ปรับเกมสภาฯ “พท.” สู้ “ก.ก.” โกยแต้ม “รัฐบาล” รุกฆาต “ประชามติ"

ปรับเกมสภาฯ “พท.” สู้ “ก.ก.” โกยแต้ม “รัฐบาล” รุกฆาต “ประชามติ"

การยอมให้ "ก้าวไกล" ได้ถก ญัตติทำประชามติแก้รธน. ในสภาฯ วานนี้ "เพื่อไทย" ไม่เรียกว่าเสียหน้า แม้จะต้อง "กลับมติวิปรัฐบาล" ก็ตาม เมื่อมองถึงผลการเมือง เรียกว่า โกยแต้มนำไปหลายช่วงตัว

การเมือง ในสภาฯ ส่งท้ายก่อนปิดสมัยประชุม 30 ต.ค. ไฮไลต์ถูกฉายไปที่ ญัตติของ พรรคก้าวไกล ที่เสนอให้สภาฯ เห็นชอบและแจ้งไปยัง คณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ออกเสียงประชามติเพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

โดย “ก้าวไกล” ชูประเด็นให้ทำประชามติ ด้วยคำถามที่สอดคล้องกับข้อเสนอของภาคประชาชน 2แสนชื่อที่เสนอ รัฐบาลไปก่อนหน้านี้ คือ “เห็นด้วยหรือไม่ต่อการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน100%” 

แม้ผลการลงมติของสภาฯ เสียงข้างมาก 262 เสียง ต่อ 162 เสียง จะปัดตก ญัตตินี้  ด้วยเหตุผลว่า “เคารพการทำงานของรัฐบาล ที่ตั้งคณะกรรมการทำงานเรื่องดังกล่าวไปแล้ว โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการทำงานรับฟังความเห็นจากส่วนต่างๆ” 

ปรับเกมสภาฯ “พท.” สู้ “ก.ก.” โกยแต้ม “รัฐบาล” รุกฆาต “ประชามติ"

ทว่าในประเด็นนี้ พบการเล่นแง่ เล่นกลทางการเมือง ก่อนถึงวันพิจารณา  ไม่กี่ชั่วโมง 

เนื่องจาก การส่งสัญญาณ “ไฟเขียว” ให้สภาฯ เปิดเวทีถกประเด็นนี้ ส่งผ่านมาจาก “วงประชุม สส.พรรคเพื่อไทย” เมื่อ 24 ต.ค. หาใช่ “มติจากกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล” (วิปรัฐบาล)

ก่อนหน้านั้น “อดิศร เพียงเกษ” ประธานวิปรัฐบาล แถลงถึงมติวิปรัฐบาลว่า จะไม่ยอมให้พิจารณาญัตตินี้  และเตรียมใช้ กติกาของสภาฯ ว่าด้วย การเลื่อนระเบียบวาระอื่น มาแทรก เพื่อเบียดญัตติทำประชามติ ไม่ให้พิจารณาในสมัยประชุมนี้ 

ปรับเกมสภาฯ “พท.” สู้ “ก.ก.” โกยแต้ม “รัฐบาล” รุกฆาต “ประชามติ" พร้อมยกเหตุผลว่า พิจารณารอบคอบแล้วว่า ควรให้เป็นหน้าที่ของรัฐบาล ภายใต้ “คณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางการทำประชามติ เพื่อแก้ปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560” มี “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ นั่งเป็นแม่ทัพ  ดำเนินการ

ทั้งที่ในวงประชุมวิปรัฐบาล นั้น “สส.จากพรรคร่วม” บางส่วนไม่ได้ เออ-ออ ต่อเรื่องนี้ เพราะกังวลว่าจะกระทบต่อการทำงานร่วมกันในสภาฯ

หากปิดประตูทำงานของ “ฝ่ายค้าน” จนเกินไป การทำงานอาจจะไม่ราบรื่นได้ ในอนาคต ทว่า “ตัวแทนของพรรคเพื่อไทย” รวบรัด เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อการทำงานของรัฐบาลเพื่อไทย ที่อาจถูกพวกเดียวกัน มองว่า “หยามหน้า” กันเกินไป

ปรับเกมสภาฯ “พท.” สู้ “ก.ก.” โกยแต้ม “รัฐบาล” รุกฆาต “ประชามติ" แน่นอนว่า เมื่อ “มติสส.เพื่อไทย” เหนือกว่า “มติวิปรัฐบาล” ทำให้ฝ่ายเลขาวิปต้อง ประสานงานด่วน เพื่อขอให้คงเรื่อง ไว้ตามระเบียบวาระ หรือเรียกง่ายๆ ว่า “กลับมติวิปรัฐบาล”  ซึ่งที่ผ่านมายังไม่เคยมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น

และเรื่องนี้ “ฝั่งเพื่อไทย” ไม่เรียกว่า “เสียหน้า” แต่คือเป็นการ ถอยเพื่อ “รุกฆาต”  เพราะฝั่งรัฐบาลมีความเข้มแข็ง และเป็นเอกภาพ ย่อมใช้เสียงข้างมาก “เอาชนะ” ได้ไม่ยาก

อีกทั้ง การใช้ในเวทีอภิปรายญัตติเสนอทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญ “สส.พรรคเพื่อไทย” วางแผนมาเป็นอย่างดี เพื่ออาศัยจังหวะสร้างผลงานทางการเมือง

พร้อมกับลิสต์ประเด็นให้ “สส.อภิปราย” ไปในทิศทางเดียวกันและสอดคล้องอย่างเป็นเหตุเป็นผล  เร่ิมจาก แสดงจุดยืนต่อการแก้รัฐธรรมนูญ ตามนโยบายที่หาเสียง และ “รัฐบาล” สานต่อ ผ่านการผลักดันการทำประชามติ ด้วยกลไกคณะกรรมการฯ ที่มีองค์ประกอบจากหลายภาคส่วน เพื่อแสดงให้เห็นถึง เจตจำนงที่ต้องการทำให้เกิดผลสำเร็จ

ปรับเกมสภาฯ “พท.” สู้ “ก.ก.” โกยแต้ม “รัฐบาล” รุกฆาต “ประชามติ"

ขณะเดียวกันยังใช้เวทีสภาฯ ตอบโต้ “ก้าวไกล” ไปในที โดยย้ำให้เห็นว่าข้อเสนอให้ทำประชามติของพรรคก้าวไกล นั้นไม่สมบูรณ์ และสุ่มเสี่ยงที่จะทำให้ “การยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่” ไม่ประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะ การไม่ปิดช่อง แก้ไขมาตราหรือหมวดที่เป็นประเด็นอ่อนไหว และ “กลุ่มอนุรักษ์นิยม” ไม่ปรารถนาจะเห็น

อีกทั้งยังย้อนเกร็ด “ก้าวไกล” ที่ใช้ช่องทางของรัฐสภา  ที่ต้องผ่านความเห็นชอบทั้งจาก ​“สภาฯ” และ “วุฒิสภา”  ตามลำดับ ดังนั้นการคาดหวังอาศัยเสียงเห็นชอบของ “สว.” เท่ากับ “ก้าวไกล” กำลังสร้างจุดด่างพร้อยของการเริ่มแก้รัฐธรรมนูญ

ตามที่ “สส.ก้าวไกล-ด้อมส้ม” ตำหนิ “สว.” ว่า มาจาก “คณะรัฐประหาร”  ไม่ยึดโยงประชาชน แถมปลุกม็อบ ไล่ให้ออกจากตำแหน่งมาแล้ว

เกมสภาฯ ส่งท้าย สมัยประชุมแรก หากไม่นับ ความพลาดพลั้ง เมื่อ 31 ส.ค. ที่ “สส.รัฐบาล” เสียท่า “ฝ่ายค้าน”  เกิดเหตุประชุมล่มครั้งแรก  ถือว่าการแก้เกมในสภาฯ ของ “เพื่อไทย” ได้สร้างรอยจดจำให้กับ “ก้าวไกล” ว่า การสู้กันในสภาฯ “เสียงข้างมากย่อมมีพลังเหนือกว่า”

แม้ ในสังคมออนไลน์-โซเชียล ภายนอกสภาฯ “ด้อมส้ม” จะเป็นต่อหลายขุมก็ตาม.

ปรับเกมสภาฯ “พท.” สู้ “ก.ก.” โกยแต้ม “รัฐบาล” รุกฆาต “ประชามติ"