ผ่าขุมทรัพย์พันล้าน อาณาจักร ‘ไทยเศรษฐ์’ บ้านใหญ่อุทัยฯ

ผ่าขุมทรัพย์พันล้าน อาณาจักร ‘ไทยเศรษฐ์’ บ้านใหญ่อุทัยฯ

ผ่าขุมทรัพย์พันล้าน! อาณาจักร ‘ไทยเศรษฐ์’ บ้านใหญ่อุทัยฯ ‘ชาดา’ อู้ฟู่ 147 ล้าน ยังถือหุ้นธุรกิจในสหรัฐฯอยู่ 3.3 ล้าน ถือครองพระเครื่องดัง เลี้ยงโค-กระบือหลายร้อยตัว ลูกสาว 2 คนทำธุรกิจขนส่งปี 65 รายได้ 21.7 ล้าน ‘มนัญญา’ รวย 65 ล้าน ‘เจเศรษฐ์’ 38.5 ล้าน

กำลังเป็นประเด็นร้อนแรงที่ถูกสาธารณชนวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก พลันที่หน่วยงาน “3 ป.” หรือ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) สนธิกำลังกัน “ซ้อนแผน” บุกจับกุม “วีระชาติ รัศมี” นายกเทศมนตรีตำบลตลุกดู่ จ.อุทัยธานี ลูกเขยของ “ชาดา ไทยเศรษฐ์” รมช.มหาดไทย และรองประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามผู้มีอิทธิพล กระทรวงมหาดไทย ในข้อกล่าวหา เรียกรับเงินจากผู้รับเหมาก่อสร้างระบบน้ำประปา 1 ล้านบาท เหตุเกิดเมื่อ 24 ต.ค.ที่ผ่านมา

ล่าสุด “ชาดา” ออกมาชี้แจงประเด็นนี้ โดยได้คุยกับ “ลูกเขย” คนดังกล่าวแล้ว เจ้าตัวได้ขอโทษ อย่างไรก็ดีตนขอให้ลูกเขยลาออกจากตำแหน่งนายกเทศมนตรี เทศบาลตำบลตลุกดู่ เพื่อให้มีการเลือกตั้งต่อไป เพื่อไม่ให้เป็นการเอาเปรียบพี่น้องประชาชน 

“ผมขอร้องอย่าเอารูปลูกหลานผมมาออกข่าว ทั้งด้อม เอไอ อวตาร ด่าผมด่าไป คุณมีสิทธิ์ด่านายชาดา แต่วันนึงคุณจะเสียใจที่ด่าผม เท่านั้นแหละ แต่อย่าเอารูปลูกหลานผมมาออก แล้วมันจะเกิดสงครามโซเชียล ผมหาอวตารไม่เจอ ผมก็เอาคนที่อยู่เบื้องหน้า วันนี้คนไทยต้องรักกัน รักสามัคคีกัน สำนึกในกะลาหัวว่าวันนี้จะเกิดสงครามโลกอยู่แล้ว นายกฯก็ปวดหัวทุกวันเรื่องอิสราเอล ไม่ใช่มาด่ากันอยู่ในประเทศนี้ อย่าทำอะไรที่มันไม่สร้างสรรค์” นายชาดา กล่าว

อ่านข่าว: 'ชาดา' บอก 'ลูกเขย' ลาออกแล้ว รับผิดชอบเรียกสินบนผู้รับเหมา

สำหรับ “ชาดา” คือผู้นำตระกูล “ไทยเศรษฐ์” ผู้มากบารมีแห่งลุ่มน้ำสะแกกรัง บ้านใหญ่ จ.อุทัยธานี นักการเมืองลายคราม เริ่มต้นเล่นการเมืองท้องถิ่นตั้งแต่ปี 2535 ไต่เต้าขึ้นมาได้เป็น สส.ครั้งแรกเมื่อปี 2550 สังกัดพรรคชาติไทย (ชื่อพรรคขณะนั้น) ปัจจุบันเป็น สส.มาแล้ว 4 สมัย ส่วนน้องสาวแท้ ๆ อย่าง “มนัญญา ไทยเศรษฐ์” ได้รับการแต่งตั้งเป็น รมช.เกษตรและสหกรณ์ สมัยรัฐบาล “ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ขณะที่วงศ์วานว่านเครือเป็นนักการเมืองท้องถิ่นในจังหวัดหลายคน โดย “ชาดา” เคยสมรสมาแล้ว 2 ครั้ง มีบุตรในสมรส 4 คน บุตรนอกสมรสที่รับรองแล้ว 3 คน

ในมุม ทรัพย์สินส่วนตัว ชาดา ไทยเศรษฐ์ แจ้งต่อ ป.ป.ช. กรณีเข้ารับตำแหน่ง สส.ล่าสุด เมื่อ 4 ก.ค. 2566 มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 147,516,719 บาท 

- ที่ดิน 57 แปลง ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ อ.เมือง อ.บ้านไร่ อ.หนองขาหย่าง อ.สว่างอารมณ์ จ.อุทัยธานี มูลค่ารวม 40,187,040 บาท

-  เงินฝาก 17,489,296 บาท

- โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง เป็นบ้านอยู่อาศัยและอาคารพาณิชย์ รวม 5 หลัง มูลค่ารวม 16,200,000 บาท

- เงินลงทุน 4 รายการ โดยเป็นหุ้น Thai Food Network Tv, INC. 20,000 หุ้น โค 156 ตัว กระบือ 135 ตัว ม้า 2 ตัว มูลค่ารวม 15,439,600 บาท

- สิทธิและสัมปทาน ซึ่งเป็นกรมธรรม์ประกันชีวิต 4 รายการ มูลค่ารวม 10,340,782 บาท

ขณะเดียวกันยังแจ้งว่ามีทรัพย์สินเป็นเงินฝากของบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะอีก 210,818 บาท มีทรัพย์สิน เป็นเงินกู้จากธนาคารและสถาบันการเงินอื่น 549,797 บาท นอกจากนี้ยังมีทรัพย์สินอื่นอีก 41,810,000 บาท อาทิ

  • พระเครื่อง 18 องค์ มูลค่า 14,980,000 บาท
  • แหวนและพลอย 11 วง 2 เม็ด 2,000,000 บาท
  • สิงห์แกะงาช้าง ตระกรุด 12 ชิ้น
  • สร้อยคอและสร้อยข้อมือทองคำขาว 5 เส้น
  • สร้อยคอทองคำขาว จี้หยก แหวนหยก 5 ชิ้น
  • นาฬิกา 24 เรือน 11,900,000 บาท
  • อาวุธปืน รวม 23 กระบอก เป็นต้น

ที่น่าสนใจนายชาดา แจ้งว่ามีรายได้ต่อปี 28,012,720 บาท โดยแจ้งว่าเป็น

  • ค่าตอบแทน 1,362,720 บาท
  • ค่าที่ปรึกษา 600,000 บาท
  • ค่าเช่าแผงเนื้อ 600,000 บาท
  • ขายนาฬิกา 1 เรือน (ยี่ห้อ Richard milke) 8,000,000 บาท
  • ค่าอ้อย 450,000 บาท
  • ธุรกิจค้าโคกระบือ 10,000,000 บาท
  • ค้าโคกระบือชำแหละ 7,000,000 บาท

แจ้งว่ามีรายจ่ายต่อปี 16,150,000 บาท โดยส่วนใหญ่เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว ค่าใช้จ่ายเลี้ยงโคกระบือ ค่าจ้างทำไร่อ้อย ค่าเบี้ยประกันชีวิต ค่าเล่าเรียนบุตร ค่าท่องเที่ยว และที่น่าสนใจคือรายจ่ายจากการซื้ออาวุธปืน 800,000 บาท และซื้อนาฬิกา 2 เรือน 5,700,000 บาท เป็นต้น

สำหรับหุ้น “ชาดา” ในบริษัท Thai Food Network Tv, Inc จำนวน 1 หน่วย ได้มาเมื่อ 8 ก.ย. 2554 มูลค่ารวม 3,351,000 บาท เป็นของนายฟารุต ไทยเศรษฐ์ (บุตรชาย ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว) “ชาดา” ได้มาในฐานะผู้จัดการมรดก โดยเขาเคยชี้แจงว่าหุ้นดังกล่าวเป็นการลงทุนในสหรัฐอเมริกา 

จากการตรวจสอบพบว่า Thai Food Network Tv, Inc จดทะเบียนเมื่อ 29 ต.ค. 2010 (พ.ศ. 2553) แจ้งเลิกกิจการเมื่อ 1 มี.ค. 2013 (พ.ศ. 2556) บริษัทแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ 1940 GARDENA AVE GLENDALE CA 91204 United States ปรากฏชื่อ MANIT CHAISUKUMARA สัญชาติไทย เป็น Chief Executive Officer (CEO) และ VACHARA RIENG เป็นกรรมการ

เมื่อวันที่ 22 ก.พ. 2021 (พ.ศ. 2564) มี MANIT CHAISUKUMARA แจ้งที่อยู่ 1940 GARDENA AVE, GLENDALE, CA, 91204 เข้ามาเป็น CEO โดยบริษัทแห่งนี้มีสถานะถูกระงับ และเลิกระงับหลายครั้งด้วยกัน โดยปัจจุบันบริษัทแห่งนี้ถูกแจ้งเรื่องระงับภาษี (FRANCHISE TAX BOARD SUSPENSION) ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 2013 (พ.ศ. 2556) 

อย่างไรก็ดีไม่มีรายชื่อผู้ถือหุ้นล่าสุดว่า ขณะนี้ใครถือหุ้นบ้าง

นอกจากบริษัท Thai Food Network Tv, Inc แล้ว “ฟารุต ไทยเศรษฐ์” บุตรของ “ชาดา” ยังเคยถือหุ้นใน หจก.พันล้านการโยธา ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างภายใน จ.อุทัยธานี โดยระหว่าง 2552-2561 เป็นคู่สัญญากับหน่วยงานรัฐหลายสัญญา กวาดรายได้ไปกว่า 1.7 พันล้านบาท 

อย่างไรก็ดีหลังจาก “ฟารุต” เสียชีวิตเมื่อปี 2555 ล่าสุด หจก.แห่งนี้ได้แปรสภาพเป็นบริษัท พันล้านการโยธา จำกัด เมื่อวันที่ 21 มี.ค. 2566 ทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท ประกอบกิจการรับเหมาก่อสร้าง นายพุทธินันท์ ชินพีระเสถียร เป็นกรรมการรายเดียว แจ้งผู้ถือหุ้นล่าสุด 5 เม.ย. 2566 มี 3 ราย นายพุทธินันท์ ชินพีระเสถียร ถือหุ้นใหญ่สุด 80% นายโชคชัย พิชชกุลมงคล ถือ 15% นายการณ์ฉัตร ชินพีระเสถียร ถือ 5%

แจ้งงบการเงินล่าสุดเมื่อปี 2565 มีรายได้รวม 475,387,081 บาท กำไรสุทธิ 17,671,892 บาท

ปัจจุบันไม่ปรากฏชื่อคนในตระกูล “ไทยเศรษฐ์” เข้าไปเกี่ยวข้องในบริษัทข้างต้นแล้ว

ส่วนบุตรสาว “ชาดา” อย่างน้อย 2 ราย คือ อัลฑริกา ไทยเศรษฐ์ (สมรสกับ วีระชาติ รัศมี นายกเทศมนตรีตำบลตลุกดู่) และซาบีดา ไทยเศรษฐ์ (สมรสกับ อนันต์ ปาทาน) ร่วมกันเป็นหุ้นส่วนในธุรกิจอย่างน้อย 1 แห่ง คือ หจก.ชฎาอุทัยธานีทัวร์ จดทะเบียนเมื่อ 9 ก.ค. 2557 ทุนปัจจุบัน 1.5 ล้านบาท ประกอบกิจการขนส่งผู้โดยสารด้วยรถโดยสารประจำทาง นำส่งงบการเงินล่าสุดเมื่อปี 2565 มีรายได้รวม 21,775,918 บาท กำไรสุทธิ 75,342 บาท

ในส่วนของ “น้องสาว” อย่าง “มนัญญา ไทยเศรษฐ์” อดีต รมช.เกษตรและสหกรณ์ ปัจจุบันยังมิได้แจ้งทรัพย์สินกรณีพ้นตำแหน่งรัฐมนตรีใน “รัฐบาลประยุทธ์” แต่เคยแจ้งบัญชีทรัพย์สินกรณีเข้ารับตำแหน่งเมื่อปี 2562 แจ้งสถานะว่า “หย่า” มีบุตรในสมรส 5 คน มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 65,499,382 บาท มีหนี้สินทั้งสิ้น 246,414 บาท เป็นเงินสด มูลค่า 1.7 ล้านบาท เงินฝาก มูลค่า 1,714,382 บาท ที่ดิน มูลค่า 38,155,000 บาท รวม 19 โฉนด ส่วนใหญ่เป็นที่ดินในพื้นที่ อ.เมือง จ.อุทัยธานี รวม 15 โฉนด นอกนั้นเป็นที่ดินใน อ.บางละมุง จ.ชลบุรี และอ.เมือง จ.นนทบุรี 

มีโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง มูลค่า 6,750,000 บาท ยานพาหนะ มูลค่า 5,100,000 บาท สิทธิสัมปทาน มูลค่า 3,500,000 บาท และทรัพย์สินอื่น มูลค่า 8,580,000 บาท อาทิ ทองคำแท่ง แท่งละ 10 บาทรวม 15 แท่ง มูลค่า 3,750,000 บาท ทองคำรูปพรรณและอัญมณี รวม 19 ชิ้น เครื่องเพชร 5 ชิ้น สร้อยคอ นาฬิกา 2 ชิ้น นาฬิกา แหวนเพชร 2 ชิ้น เป็นต้น

ส่วน “หลาน” ของ “ชาดา” ลูกของ “มนัญญา” อย่าง “เจเศรษฐ์ ไทยเศรษฐ์” แจ้งบัญชีทรัพย์สินกรณีเข้ารับตำแหน่ง สส.อุทัยธานี เขต 1 พรรคภูมิใจไทย เมื่อ 4 ก.ค. 2566 มีทรัพย์สิน 23,694,140 บาท ได้แก่ เงินสด 8 แสนบาท เงินฝาก 118,944 บาท เงินลงทุน 2.5 ล้านบาท ที่ดิน 5,635,600 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 6,820,000 บาท ยานพาหนะ 1 แสนบาท สิทธิและสัมปทาน 6,913,096 บาท ทรัพย์สินอื่น (ราคาตั้งแต่สองแสนบาทขึ้นไป) 806,500 บาท ไม่มีหนี้สิน มีรายได้รวมต่อปีโดยประมาณ 3,862,720 บาท เป็นค่าตอบแทน สส. 1,362,720 บาท การขายโค-กระบือ 50 ตัว 2.5 ล้านบาท

ส่วน น.ส.อัสมา ไทยเศรษฐ์ คู่สมรส เจ้าของกิจการร้านอาหารและเครื่องดื่มใน จ.อุทัยธานี แจ้งมีทรัพย์สิน 14,857,323 บาท ได้แก่ เงินฝาก 202,323 บาท เงินลงทุน 2 ล้านบาท ยานพาหนะ 9,110,000 บาท ทรัพย์สินอื่น 3,545,000 บาท มีหนี้สิน 1,741,971 บาท มีรายได้ 1.8 ล้านบาท เป็นเงินค่าตอบแทน 1.2 ล้านบาท และเงินจากสามีให้ 6 แสนบาท

รวมทั้งคู่มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 38,551,464 บาท มีหนี้สินทั้งสิ้น 1,741,971 บาท

ทั้งหมดคือขุมข่ายธุรกิจอาณาจักร “ไทยเศรษฐ์” เท่าที่สืบค้นได้ในขณะนี้

เรียกได้ว่า “อู้ฟู่” ไม่ธรรมดา?