'จุรินทร์' ยกคำชี้แจงกมธ.'เงินหมื่น'จำเป็นน้อย เผยปชป.ตั้ง'พิสิษฐ์'เกาะติด

'จุรินทร์' ยกคำชี้แจงกมธ.'เงินหมื่น'จำเป็นน้อย เผยปชป.ตั้ง'พิสิษฐ์'เกาะติด

"จุรินทร์" ยกคำชี้แจงกมธ.'แบงก์ชาติ' ชี้ชัด แจกเงินหมื่นกระตุ้นการบริโภคระยะสั้น พร้อมเผยปชป.ตั้ง'พิสิษฐ์ ลี้อาธรรม'เกาะติด

ที่รัฐสภา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส. บัญชีรายชื่อ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะกรรมาธิการ(กมธ.)และที่ปรึกษากมธ.พัฒนาเศรษฐกิจของสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์หลังในฐานะผู้เสนอญัตติให้มีการพิจารณาเรื่องดิจิทัลวอลเลตว่า ในที่ประชุมเมื่อวันที่19ต.ค.ว่า 3 หน่วยงานที่มาชี้แจง มี 2 หน่วยงานที่มีความชัดเจน หน่วยงานแรกคือผู้แทนของ สำนักงานคณะกรรมป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ได้ให้ข้อมูลว่าขณะนี้อยู่ในขั้นเตรียมการลงนามในคำสั่งตั้งคณะกรรมการติดตามโครงการแจกเงินดิจิทัลหมื่นบาทของรัฐบาล ตามมาตรา32 ของ พรบ.ปปช. โดยจะเชิญผู้ที่มีความรู้เข้ามาร่วมเป็นกรรมการติดตามด้วย

ส่วนผู้แทนของธนาคารแห่งประเทศไทยก็ได้ให้ข้อมูลชัดเจนว่าจากการคาดการณ์ เศรษฐกิจประเทศ ของธนาคารแห่งประเทศไทย เศรษฐกิจในปีนี้จะโตประมาณ 2.8% และในปีหน้าคือ ปี 67 จะโตประมาณ 4.4% อยู่แล้ว แม้ไม่มีการแจกเงิน 560,000 ล้านบาท และหากมีการแจกเงินก็จะมีผลในการกระตุ้นการบริโภคระยะสั้นและจะมีผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจไม่มาก

ส่วนผู้แทนกระทรวงการคลังยังไม่สามารถให้ข้อมูลที่ชัดเจนต่อคำถาม 2 ข้อที่ตนถามได้คือ 1.จะทำอย่างไรและ 2. จะเอาเงินมาจากไหน โดยตอบแต่เพียงว่าจะทำให้ถูกกฎหมายและจะไม่ใช้เงินที่ผิดวินัยการเงินการคลังเท่านั้น แต่ขณะเดียวกันก็ยอมรับว่าหน่วยราชการส่วนใหญ่ที่มาให้ความเห็นกับกระทรวงการคลังนั้นส่วนใหญ่อยากให้ใช้โครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่แล้วเป็นเครื่องมือในการจ่ายเงิน

ซึ่งนายจุรินทร์กล่าวว่านั่นหมายความว่าจนถึงขณะนี้รัฐบาลก็ยังไม่มีความชัดเจนทั้งสองเรื่อง ซึ่งก็สอดคล้องกับที่ รมช.คลัง  ได้ออกมาแถลงเลื่อนโครงการออกไปอีกในช่วงเย็น 

อย่างไรก็ตามนายจุรินทร์กล่าวว่า ตนจะติดตามเรื่องนี้ผ่านคณะกรรมาธิการพัฒนาเศรษฐกิจของสภาต่อไป เพื่อให้โครงการนี้เกิดประโยชน์สูงสุดและเกิดความเสียหายต่อประเทศให้น้อยที่สุดถ้ามี ส่วนในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ตนก็ได้มอบหมายให้ นายพิสิษฐ์ ลี้อาธรรม อดีต รมช.คลังและประธานนโยบายพรรค ได้ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดและแถลงให้ความเห็นเป็นระยะ แต่จะไม่ไปขัดขวาง เพราะถือเป็นสิทธิ์ของรัฐบาลในการที่จะมีนโยบายอย่างใดอย่างหนึ่ง