ตรวจขุมกำลัง รุ่นใหม่ ‘เพื่อไทย’ ทีม‘นายหญิง’รอบเก้าอี้ ‘เศรษฐา’

ตรวจขุมกำลัง รุ่นใหม่ ‘เพื่อไทย’ ทีม‘นายหญิง’รอบเก้าอี้ ‘เศรษฐา’

“ทีมรุ่นใหม่” ของพรรคเพื่อไทย ที่ติดสอยห้อยท้าย “เศรษฐา” เข้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อเรียนรู้งานการเมือง เรียกได้ว่า เป็นการสะสมขุมกำลัง “รุ่นใหม่” เอาไว้ต่อยอดแบบไร้รอยต่อ คอยซัพพอร์ต “แพทองธาร” หากถึงเวลาขึ้นชั้น “นายหญิง” คนใหม่ ขยับขึ้นมานั่งเก้าอี้นายกฯ ในอนาคต

ถึงเวลาที่ นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ต้องเข้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อรับภารกิจผู้นำฝ่ายบริหารอย่างเป็นทางการ หลังถวายสัตย์ปฏิญาณตน 5 ก.ย.2566

สถานการณ์ที่ไม่มีเวลาฮันนีมูนพีเรียด นอกจากความคาดหวังต่อรัฐบาล ในการฟื้นเศรษฐกิจ แก้ปัญหาสังคม อย่างรวดเร็ว ดังนั้นบรรดามือทำงานรอบเก้าอี้นายกรัฐมนตรี จึงจำเป็นต้องคัดสรรมาอย่างพิเศษ เพื่อรองรับทั้งงานราชการ และงานทางการเมือง

ทีมงานข้างกายของ “เศรษฐา” จึงมีทั้งรุ่นเก๋า รุ่นใหม่ ผสมผสานกัน แต่ต้องโฟกัสไปที่ “ทีมรุ่นใหม่” ที่ถือเป็นอนาคตของพรรค มีทั้ง “นาย” ส่งมา บางคนมี “ตั๋วพิเศษ”แต่ทุกคนต้องการเรียนรู้การทำงาน เพื่อต่อยอดงานการเมืองของตัวเอง และเป็นทายาทการเมืองของพรรคในอนาคต

เริ่มกันที่ “คณาพจน์ โจมฤทธิ์” หรือ เอิง เพื่อนสนิท “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร  ก่อนการเลือกตั้ง “คณาพจน์” ปรากฏตัวอยู่ข้างกาย “แพทองธาร” ตลอดเวลา ทั้งขึ้นรถ ลงเรือ แทบเป็นเงาตามตัว

แต่เมื่อ “เศรษฐา” เข้าทำเนียบ “คณาพจน์” ได้ถูกส่งมาอยู่เคียงข้างนายกฯคนที่ 30 เสมือนมี หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยทำงานช่วยนายกฯ “เศรษฐา” ทุกฝีก้าว ไม่ต่างกับช่วงหาเสียง เพราะแม้ตัวจะต้องรับภารกิจเรื่องพรรค แต่ก็ฝากคนสนิทมาช่วยงาน
 

เนื่องจาก “คณาพจน์” กับ “แพทองธาร” รู้จักมักคุ้นกันมากว่า 20 ปี ความสัมพันธ์เริ่มตั้งแต่ตอนเรียนปี 1 รัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย กระทั่งไปเรียนต่อที่อังกฤษด้วยกัน แม้จะเรียนกันคนละมหาวิทยาลัย แต่ก็พบเจอกัน

ที่สำคัญ “คณาพจน์” ยังเป็นคนแนะนำให้ “แพทองธาร” รู้จักกับ “ปิฎก สุขสวัสดิ์” จนกระทั่งพัฒนาความสัมพันธ์มาเป็นคู่ชีวิต

อย่างไรก็ตามในทางการเมือง “คณาพจน์” ยังติดโทษแบน เนื่องจากเคยดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ซึ่งถูกยุบพรรค พร้อมตัดสิทธิการเมืองกรรมการบริหารพรรคไปด้วย ทำให้เจ้าตัวห่างหายไปจากหน้าฉากทางการเมือง

ก่อนมาปรากฏตัวช่วยงาน “แพทองธาร” พร้อมสร้างโปรเจ็กต์ Chang maker ให้กับพรรคเพื่อไทย โดยรับหน้าที่ผู้อำนวยการโครงการ ที่รวบรวมคนรุ่นใหม่ 100 คน สร้างนวัตกรรมทางความคิดสู่โปรเจ็กต์นโยบายพัฒนาประเทศ

ผลผลิตที่ออกดอกออกผลคือ นโยบาย Telemedicine ยกระดับให้บริการการแพทย์ ต่อยอด 30 บาทรักษาทุกโรค ปรับเปลี่ยนภาครัฐและภาคเอกชนด้วยระบบ Digital transformation ครั้งใหญ่ ด้วยการสร้างรัฐบาลดิจิทัล (Platform digital government) ที่ใช้ได้จริง

การส่ง “คณาพจน์” เข้าทำเนียบรัฐบาลตามติด “เศรษฐา” ไม่ต่างกับการมี “แพทองธาร” เข้ามาช่วยภารกิจในตึกไทยคู่ฟ้า พร้อมกับเสิร์ฟข้อมูลตรงทีมตึกโอเอไอ ทาวเวอร์ ที่ทำการพรรคเพื่อไทย 

ต่อด้วย “ต้น ณ ระนอง” ลูกชายของ กิตติรัตน์ ณ ระนอง แม้จะติดโทษแบนทางการเมือง เนื่องจากเคยเป็นรองหัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ แต่ “ต้น” ซึ่งชื่นชอบงานการเมืองเป็นทุนเดิม ได้เข้ามารับช่วงต่อจากพ่อ ช่วยงานในพรรคเพื่อไทย

โดยรุ่นพ่อ คอนเนคชั่น ระหว่าง “กิตติรัตน์” ถือเป็นก๊วนเตะฟุตบอลกับ “เศรษฐา” เช่นเดียวกับ “ลูกต้น” ชื่นชอบฟุตบอลเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และมักคุ้นกับ “เศรษฐา” เป็นอย่างดี เมื่อ “กิตติรัตน์” ไม่ได้เข้าทำเนียบรัฐบาล จึงส่ง “ลูกต้น” เข้ามาเรียนรู้งาน

นอกจากนี้ยังมี “ท็อป” จักรพล ตั้งสุทธิธรรม อดีตผู้สมัคร สส.เชียงใหม่ แม้จะสอบตก พ่ายแพ้การเลือกตั้ง สส. เขต 1 แต่ “จักรพล” ติดยี่ห้อ “เจ๊แดง” เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ จนได้ตั๋วแทรกเข้ามาอยู่ในทีม “เศรษฐา”

“จักรพล” ได้รับแต่งตั้งเป็นรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และเป็นคณะทำงานด้านเศรษฐกิจของพรรค เคยเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กหรือ PM 2.5 จนนำไปสู่การตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กอย่างเป็นระบบ

นอกจากนี้่ ยังมีชื่อ “ณณัฏฐ์ หงส์ชูเวช” ลูกชาย “สาโรจน์ หงส์ชูเวช” เตรียมเข้ามาเป็นหนึ่งในทีมงานตึกไทยคู่ฟ้า แม้ในวันถวายสัตย์ปฏิญาณ “ณณัฏฐ์” ยังไม่ปรากฏตัว แต่ก็รอจังหวะเข้าทำเนียบรัฐบาล

เหล่านี้คือ “ทีมรุ่นใหม่” ของพรรคเพื่อไทย ที่ติดสอยห้อยท้าย “เศรษฐา” เข้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อเรียนรู้งานการเมือง 

เรียกได้ว่า เป็นการสะสมขุมกำลัง “รุ่นใหม่” เอาไว้ต่อยอดแบบไร้รอยต่อ คอยซัพพอร์ต “แพทองธาร” หากถึงเวลาขึ้นชั้น “นายหญิง” คนใหม่ ขยับขึ้นมานั่งเก้าอี้นายกฯ ในอนาคต