“ชวน” ยินดี"วันนอร์" นั่งประธานสภา ติง "หมออ๋อง" พูดเหมือนเป็น "ประธาน"

“ชวน” ยินดี"วันนอร์" นั่งประธานสภา ติง "หมออ๋อง" พูดเหมือนเป็น "ประธาน"

“ชวน” ป้ยินดี"วันนอร์" นั่งประธานสภา ติง "หมออ๋อง" พูดเหมือนเป็น "ประธานสภา" เตือน รองฯ จะทำอะไรต้องขออนุญาต พร้อมมองปมประชุมล่มซ้ำรอยอดีต "หัวหน้ารัฐบาล" ในอนาคต-หัวหน้าพรรค ต้องรับผิดชอบ

ที่รัฐสภา  นายชวน หลีกภัย ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตประธานสภา กล่าวถึงภาพรวมการเลือกประธานรองประธานสภา เมื่อวันที่4ก.ค.ที่ผ่านมาว่า การประชุมลงมติที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่า เราเสียเวลาไปกับการขานคำว่าบัตรดี 500 ครั้ง ซึ่งความจริงไม่ต้องใช้คำว่าบัตรดี ก็สามารถอ่านชื่อได้เลย เช่น  “วิทยา, ปดิพัทธ์” ซึ่งการประชุมสภาสมัยที่แล้วเราจะทำอย่างนั้นห้ามใช้สร้อย หรือเอ่ยชื่อตัวเอง ทำให้ประหยัดเวลาไปได้ชั่วโมง ซึ่งตลอด 4 ปีทร่ผ่านมา สมาชิกให้ความร่วมมือและสามารถทำได้ร้อยละ 99 และในสมัยใหม่นี้ก็จะสามารถประหยัดเวลาได้

เมื่อถามว่าการโหวตนายกรัฐมนตรีจะใช้เวลาประหยัดแบบนี้หรือไม่ นายชวนกล่าวว่า เขาควรทำ เพราะการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งที่ผ่านมาก็เป็นตัวอย่างที่ดีว่าสามารถประหยัดเวลาได้ หากมีสร้อยต่อท้ายครั้ง 2 ครั้งก็ไม่รู้สึกแต่ถ้า 750 ครั้งก็มีปัญหาทั้งนั้น

ส่วนการโหวตนายกรัฐมนตรีสามารถโหวตได้กี่ครั้งนั้นไม่ได้มีกฎหมายห้ามแต่ขอให้ถาม"วันนอร์"นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภาจะดีกว่า

ต่อข้อถามว่าในฐานะที่เป็นอดีตประธานสภาได้คุยกับนายมูหะมัดนอร์ บ้างหรือไม่ นายชวนกล่าวว่า ได้ยินดีกับท่านตั้งแต่วันที่ได้รับเลือกแล้วซึ่งขอบอกกับลูกน้องท่านว่า ขอให้ดูแลสุขภาพของท่าน

เพราะสำหรับวัยตนหรือวัยท่านวันนอร์ เป็นวัยที่สูงอายุ ถ้าไม่ค่อยแข็งแรงก็จะมีปัญหา เพราะต้องนั่งบนบัลลังก์ 3-4 ชั่วโมง และเวลานั่งก็ไม่ได้นั่งหลับ เหนื่อยที่สุดคือเงยหัว เพราะต้องฟังว่าใครพูดอะไรเกิน อะไรขาด จะให้เขาถอนหรือไม่ถอนคำพูดก็ต้องรู้ เมื่อเสร็จเวรแล้วรองประธานขึ้นมาแทน ประธานก็ต้องตามต่อ เพราะจะได้รู้ว่าเวรต่อไปใครพูดอะไรไว้ ซึ่งก็ถือว่าเป็นงานหนัก จึงต้องให้กำลังใจท่าน และขอให้ท่านดูแลสุขภาพก็แล้วกัน

เมื่อถามว่า เชื่อว่า นายวันมูหะมัดนอร์ จะสามารถทำงานได้กับรองประธานทั้ง 2 คน ที่มาจากพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทยได้ดีหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาคนที่ 2 บอกว่า จะทำตามพระบรมราโชวาท และตามที่ประธานมอบหมาย

แต่นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานคนที่ 1 แถลงเหมือนเป็นประธานเอง เพราะที่จริงแล้วรองประธานมีหน้าที่คือรับมอบหมายจากประธานสภาฯว่าให้ทำอะไร และถ้าจะทำอะไรใหม่พิเศษออกมา ก็ต้องขออนุมัติจากประธาน ซึ่งถือประธานจะเป็นหลัก

ส่วนรองประธานจะปฏิบัติภารกิจตามที่ประธานมอบหมาย ซึ่งงานสภาถือว่าหนักมาก เพราะนอกจากงานภายในการประชุมแล้ว ยังมีงานปีกย่อยอีก แต่ขณะนี้เรามีประธานมุสลิม รองประธานคนที่ 1 เป็นคริสต์ รองประธานคนที่ 2 เป็นพุทธ ถือว่า 3 ศาสนาเลย ตนจึงบอกกับเลขาธิการสภาฯว่าอย่างต้องรักษามาตรฐานศาสนาไว้อย่างเดิม

เมื่อถามว่าเป็นห่วงสภายุคนี้ในเรื่องขององค์ประชุมหรือไม่ นายชวนกล่าวว่า เชื่อว่าเรื่ององค์ประชุมในยุคนี้น่าจะหมดไป ส่วนนายพิเชษฐ์ ซึ่งเป็นรองประธานคนที่ 2 ในสมัยที่แล้วก็ประท้วงเยอะนั้น หลังได้ตำแหน่งนายพิเชษฐก็มาสวัสดีตน ตนก็ได้ล้อเล่นไปว่า ถึงเวลาทำนาใครจะมาหว่านข้าวในสภา แต่ก็เชื่อว่าปัญหาต่างๆน่าจะลดลงเพราะตัวปัญหาไปเป็นรัฐบาลเอง

พูดง่ายๆคือ คนที่ไม่กดบัตรทำให้องค์ประชุมไม่ครบ การประชุมสมัยนี้เขาต้องมาประชุมแต่ที่สำคัญคือ หัวหน้ารัฐบาลในอนาคตเป็น ส.ส.หรืออย่างน้อยมีหัวหน้าพรรคการเมืองมารับผิดชอบ

ยกเว้นพรรคเพื่อไทยที่มี น.พ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่านเป็นหัวหน้าพรรค และอยู่ในสภาฯแต่คนที่แข่งขันเป็นนายกไม่ได้อยู่ในสภา แต่พรรคก้าวไกลเขาอยู่ในสภา แต่สมัยที่แล้วพล.อ.ประยุทธ์ จันโอชา นายกรัฐมนตรี ไม่ได้เป็น ส.ส.จึงไม่ได้อยู่ในสภาฯ และหัวหน้าพรรคที่จัดตั้งรัฐบาลคือพล.อ.ประวิตร ก็ไม่ได้อยู่ในสภา เพราะเมื่อมีปัญหาก็ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร แม้จะมีตัวแทนของพรรคแต่ก็ไม่ยอมรับกัน แต่ปัญหาเหล่านี้ในสมัยนี้ปัญหานี้น่าจะหายไป ความร่วมมือก็น่าจะดีขึ้น การพูดมากก็น่าจะลดลง