'โรม' แจงเปลี่ยนวันชาติ ความเห็นส่วนตัว เชื่อรัฐบาลข้างน้อยตั้งไม่ได้

'โรม' แจงเปลี่ยนวันชาติ ความเห็นส่วนตัว เชื่อรัฐบาลข้างน้อยตั้งไม่ได้

'โรม' แจงเสนอเปลี่ยนวันชาติเป็น 24 มิ.ย.ความเห็นส่วนตัว ชี้เรื่องประวัติศาสตร์คุยกันยาว ซัดพวกสร้างประเด็นด้อยค่า 'ก้าวไกล' หวังขวางตั้งรัฐบาล ลั่นการซื้องูเห่าเป็นประวัติศาสตร์บาดแผล ทำลายการเมือง-ประชาธิปไตย เมินกระแสตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย เชื่อทำไม่ได้

เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 2566 ที่พรรคก้าวไกล นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ภายหลังรับหนังสือจากเครือข่ายเยาวชนสร้างพื้นที่ปลอดภัย เพื่อเสนอการแก้ไขปัญหายาเสพติด ถึงกรณีการที่ได้เสนอให้เปลี่ยนวันชาติเป็นวันที่ 24 มิ.ย.ว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ และเป็นเรื่องที่มีการถกเถียงกันมานานแล้ว แต่พอมาเป็นประเด็นในช่วงนี้ ส่วนหนึ่งก็คงจะมีความมุ่งหมายทางการเมืองที่จะต้องการใช้ทุกเรื่องในการสร้างประเด็นกับพรรคก้าวไกล เพื่อด้อยค่าพรรคก้าวไกล และหวังว่ากระบวนการดังกล่าวจะทำให้พรรคก้าวไกลไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้ เราก็เห็นกันอยู่ มันมีตั้งกี่เรื่องที่ถาโถมเข้ามา เจตนามองจาก 100 กม.ก็รู้ว่าเป็นเจตนาของคนกลุ่มนี้เขาต้องการอะไร 

นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า เรื่องของวันชาติมันไม่ได้เป็นประเด็นใหม่ เป็นประเด็นที่ถ้าเราศึกษาประวัติศาสตร์ดีๆ ในอดีตพูดกันตรงไปตรงมาวันชาติก็คือวันที่ 24 มิ.ย. หลังจากนั้นมีการรัฐประหารขึ้นมาก็มีการเปลี่ยนวันชาติไป สิ่งที่ตนพูดก็ไม่ได้แตกต่างๆจากหลายๆ คนที่เป็นนักประวัติศาสตร์ที่ออกมาพูด ซึ่งมันเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลา ต้องมีการพูดคุย จะทำได้จริงหรือไม่ก็เป็นประเด็นที่ต้องหาทางพูดกันในสังคม ไม่ใช่เป็นวาระที่เราต้องมาทำอะไรกันในเร็วๆ นี้ ดังนั้นเฉพาะหน้าระยะสั้นพรรคก้าวไกล เราให้ความสำคัญในเรื่องของการเตรียมนโยบาย รวมไปถึงการเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาล เอานโยบายที่เราได้สัญญาไว้กับประชาชน ซึ่งมีปัญหาหลายอย่างที่รอไม่ได้ เช่น ที่มายื่นหนังสือเกี่ยวกับปัญหายาเสพติดก็เป็นวาระสำคัญ ที่เราต้องหาทางจัดการให้ได้

เมื่อถามว่าการเสนอเปลี่ยนวันชาติเป็นมุมมองส่วนตัวของนายรังสิมันต์ หรือมติของพรรค นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ยังไม่เคยมีการพูดคุยกันในพรรค  ตนคิดว่าการพูดของตนในงานเสวนาที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.ที่ผ่านมา มันเป็นการพูดในเรื่องของประวัติศาสตร์ และข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในอดีต เป็นมุมมองส่วนตัวอยู่แล้วเพราะเป็นการเสวนากัน แต่ก็ต้องยอมรับกันอย่างตรงไปตรงมาว่ามันเป็นข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์จริง ว่าครั้งหนึ่งประเทศไทยของเราเคยมี วันชาติคือ วันที่ 24 มิ.ย. หลังจากที่มีการรัฐประหารนำโดยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ อดีตนายกรัฐมนตรีก็มีการเปลี่ยนแปลงไป 

เมื่อถามว่ากังวลว่าเรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อการโหวตนายกฯ ของส.ว.หรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า พูดกันตรงไปตรงมาตนคิดว่าสิ่งที่เรากำลังต้องคุยกัน มันคือการที่เราจะจัดตั้งรัฐบาลเพื่อให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของประชาชนที่ไปใช้สิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ค. ได้อย่างไร แล้วการที่เราจัดตั้งรัฐบาลได้ สุดท้ายแล้วเราบริหารประเทศไป ประชาชนชื่นชอบประชาชนเห็นด้วยอย่างไรเป็นเรื่องของประชาชน สิ่งที่เราคาดหวังก็คือในเมื่อปี 2562 ส.ว.โหวตเลือก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพราะบอกว่าพล.อ.ประยุทธ์รวบรวมเสียงข้างมากได้เกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร เราก็หวังว่ามาตรฐานนี้การจัดตั้งรัฐบาลของพรรคก้าวไกลก็ควรจะเดินต่อไปได้ ซึ่งตอนนี้เราก็กำลังมองไปถึงการโหวตประธานสภาก่อนซึ่งวันที่ 4 ก.ค. จะได้รับทราบว่าผลการลงมติของจะเป็นอย่างไร

เมื่อถามถึงกรณีใกล้เปิดประชุมสภาและมีกระแสการซื้องูเห่าเป็นเงินจำนวน 100 ล้านบาทนั้น นายรังสิมันต์ กล่าวว่า อย่างแรกสุดตนคิดว่าถ้าพูดถึงเรื่องการซื้องูห่าอะไรต่างๆ สำหรับตนมันเป็นประวัติศาสตร์บาดแผล มันเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น คนที่ได้รับการเลือกตั้งจากประชาชน สิ่งที่เราไม่อยากเห็นที่สุดก็คือการทรยศประชาชน ดังนั้นถ้ามันมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ไม่ว่าจากพรรคไหนก็แล้วแต่ มันคือกระบวนการที่อาจจะทำให้ความเชื่อมั่นและศรัทธาของพี่น้องประชาชนต่อระบอบรัฐสภามันอาจจะลดลงได้ และสร้างความเสียหายระยะยาวต่อการเมืองไทย ดังนั้นตนคิดว่าเรื่องแบบนี้มันไม่ควรเกิด 

“ต้องเรียนตามตรงว่างูเห่า ถ้ามี โอกาสที่จะยืนระยะต่อไปในทางการเมือง ผมว่าก็ไม่ง่าย ถ้าเราดูหลายๆ คนที่เป็นงูเห่าไม่ได้รับโอกาสจากประชาชนอีกแล้ว ดังนั้นผมคิดว่าอย่าให้มันมีบรรยากาศแบบนี้เลย แน่นอนไม่ว่าจะเป็นการเลือกประธานสภา เลือกนายกฯ มันควรจะเป็นการทำหน้าที่ที่สอดรับกับความมุ่งหมายของประชาชนที่เขาอยากเห็นต่อรัฐบาล มันไม่ควรจะเป็นการเอาปัจจัยเรื่องของทรัพย์สินเงินที่สัญญาจะให้กันมาเป็นเงื่อนไข หรือมาเป็นข้อแลกเปลี่ยนในการยกมือซึ่งถ้าทำแบบนั้นมันคือการทำลายการเมือง ประเทศชาติและประชาธิปไตย”นายรังสิมันต์ กล่าว

เมื่อถามว่าเรื่องงูเห่าออกมาจากปาก ส.ว. นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนก็ตอบไม่ได้ และไม่ทราบว่าเรื่องงูเห่าจริงเท็จแค่ไหน สิ่งที่พอจะตอบได้คือโดยหลักการแล้วเรื่องแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้น ควรจะเป็นการทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาของคนที่ทำหน้าที่ใช้อำนาจนิติบัญญัติ ซึ่งจะ ส.ว. หรือ ส.ส.วันนี้สิ่งที่เราต้องช่วยกันทำให้เกิดขึ้นให้ได้ ก็คือจะทำอย่างไร ที่จะทำให้การเลือกประธานสภา และนายกฯ มันสอดคล้องกับ ผลเลือกตั้ง ตนเชื่อว่าวิถีแบบนี้เป็นวิธีการเดียวที่จะทำให้ประเทศของเราออกจากบ่วงของความขัดแย้งและสามารถทำให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อไปได้ แต่ถ้าเกิดมาใช้กระบวนการตามรัฐธรรมนูญที่เป็นกระบวนการชั่วคราวและกำลังจะหมดอายุไขของมันในปีหน้า มาขัดขวาง คำถามคือเราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าประเทศไทยจะเดินหน้าอย่างที่ควรจะเป็นได้ สุดท้ายอาจกลายเป็นหล่มทางการเมืองเหมือนเดิมหรือไม่ 

นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า ที่พูดคือขอให้ช่วยทำให้มันถูกต้องแค่นั้น คืนความเป็นปกติให้กับการเมือง อย่าไปใช้กระบวนการวิชามารอะไรทั้งหลายเลย ทั้งนี้คิดว่ากระบวนการจัดตั้งรัฐบาลที่นำโดยพรรคก้าวไกลไม่ได้ช้า แต่ว่าที่มันเกิดคำถามและความไม่มั่นใจเพราะเรากังวลว่าประเทศของเราจะมีการเมืองที่ไม่ปกติ ถ้าเราเชื่อมั่นว่าการเมืองของเราปกติจะไม่มีคำถามพวกนี้เกิดขึ้น แต่เพราะเรารู้อยู่แก่ใจใช่หรือไม่ว่าการเมืองของเรามันมีปัญหาอยู่ มันมีความท้าทาย และมีบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ได้ควรจะเป็น จึงทำให้ความรู้สึกของหลายฝ่ายเป็นกังวล ซึ่งตนยืนยันว่าพรรคก้าวไกลมีจุดคือต้องการคืนความเป็นปกติให้กับสังคมและพยายามเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ 

ส่วนความพยายามในการตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยนั้น นายรังสิมันต์ กล่าวว่า คิดว่าโอกาสเกิดขึ้นมันค่อนข้างยาก ในเรื่องของรัฐบาลเสียงข้างน้อย เหตุผลคือหลายพรรคการเมืองรวมทั้งซีกตรงข้ามก็พูดตรงกันว่าโอกาสที่จะมีรัฐบาลเสียงข้างน้อยคงเป็นไปไม่ได้ อีกทั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยบริหารได้ยาก ต้องมีการผ่านกฎหมายในสภา งบประมาณ การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ดังนั้นโอกาสที่จะมีรัฐบาลเสียงข้างน้อยตนคิดว่าไม่ง่ายที่จะเดินไปได้ จึงมั่นใจว่าวิถีทางที่เรานำเสนอต่อสังคม รวมกันได้ 8 พรรค 312 เสียงมันเป็นทางออกเดียวและเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับประเทศไทยในวันนี้