ยื่น กกต.ใหม่สอบปมหุ้น 'พิธา' หลังรับรอง ส.ส. ขีดเส้น 28 มิ.ย. ไม่จบชง ส.ว.ต่อ

ยื่น กกต.ใหม่สอบปมหุ้น 'พิธา' หลังรับรอง ส.ส. ขีดเส้น 28 มิ.ย. ไม่จบชง ส.ว.ต่อ

อดีตแกนนำกลุ่มพิราบขาว หมดหวังการทำงานของ กกต. ยื่นใหม่ปมหุ้น itv บี้เร่งสอบหลังรับรอง ส.ส. ขีดเส้นต้องจบ 28 มิ.ย.นี้ ถ้าช้าลุยนัดส่งเอกสารให้ ส.ส.-ส.ว. เข้าชื่อส่งศาล รธน. ลั่น 'พิธา' ไม่ควรมีอภิสิทธิ์เหนือคนอื่นที่ถูกตัดสิทธิ์หุ้นสื่อ 

เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. 2566 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล อดีตแกนนำกลุ่มพิราบขาว 2006 ยื่นเรื่องใหม่ต่อ กกต.ขอให้ตรวจสอบหารถือหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น itv รวมถึงการโอนหุ้นหลังการเลือกตั้ง 2566 ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี โดยเห็นว่ามีองค์ประกอบครบในการส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้เป็นการยื่นเรื่องใหม่อีกครั้งหลัง กกต.รับรองเป็น ส.ส. โดยจะให้ กกต.ดำเนินการภายในวันที่ 28 มิ.ย.นี้ ในการพิจารณาและส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย หากยังไม่ดำเนินการจะไปใช้ช่องทางให้ ส.ว. และ ส.ส. เข้าชื่อส่งประธานสภาฯ เพื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญต่อไป

นายนพรุจ กล่าวอีกว่า องค์ประกอบไม่มีอะไรมาก โดยเฉพาะการถือหุ้น 4.2 หมื่นหุ้นอยู่แล้ว 1 ใน 3 คือถือแน่นอน การบอกว่าหุ้นน้อย หุ้นมากก็ต้องไปถามคนอื่นที่ถือหุ้น 1 หุ้น ก็โดน อีกทั้งกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ออกมายืนยันแล้วว่า ยังไม่เลิกกิจการ ยังดำเนินธุรกิจอยู่ มีการส่งงบการเงิน ส่วนที่จอดำ เนื่องจากเป็นข้อพิพาทระหว่างสำนักปลัดนายกรัฐมนตรีและบริษัท itv ซึ่งไม่ใช้การฟื้นไอทีวี  และนายพิธาต้องถือหุ้น ถึงโอหุ้นได้ จึงขอให้นายพิธาเปิดเผยข้อมูลมา อย่าพูดแต่ปาก เพื่อให้สังคมรับรู้ว่าตนเองเป็นผู้จัดการมรดก เป็นกรตกลงภายใน หรือเป็นผู้จัดการโดยศาล ซึ่งตามกฎหมายแพ่ง และพาณิชย์ มาตรา 1732 กำหนดให้โอนหุ้นภายใน 1 ปี แต่ที่สำคัญนายพิธาโอนหลังการเลือกตั้งก็ชัดเจนว่าหากไม่ถือหุ้นก็โอนไม่ได้ หากกิจการเลิกแล้วก็จะไม่มีกาถือหุ้นแม้แต่หุ้นเดียว 

ยื่น กกต.ใหม่สอบปมหุ้น \'พิธา\' หลังรับรอง ส.ส. ขีดเส้น 28 มิ.ย. ไม่จบชง ส.ว.ต่อ

นายนพรุจ กล่าวด้วยว่า อยากให้กรณีนี้สิ้นสุด เพราะหากส่งแคนดิเดตนายกฯ ที่มีปัญหาไม่จบ นำขึ้นทูลเกล้า เพื่อโปรดฯ แต่งตั้งเป็นนายกฯ นั้นไม่สามารถทำได้ อีกทั้งจะเป็นการระคายเบื้องพระยุคลบาท ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่สามารถทำได้ ดังนั้นส.ว. จึงต้องทำหน้าที่ โดยตนได้นัดหมายกับนายสมชาย แสวงการ และนายเสรี สุวรรณภานนท์ เพื่อมอบเรื่องและหลักฐานให้ส.ว. ให้เข้าชื่อเพื่อส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย และจะส่งเอกสารไปยังรัฐบาลเก่า และรัฐบาลทิพย์ทางไปรษณีย์ เพื่อเสนอให้ลงชื่ออีกทางหนึ่ง โดยจะดำเนินการให้แล้วเสร็จก่อนที่จะมีการเปิดสภา ตนมั่นใจว่าไม่สามารถนำรายชื่อนายพิธา เสนอทูลเกล้าฯ เป็นแคนดิเดตนายกฯ ได้ 

“องค์ประกอบการส่งศาลรัฐธรรมนูญครบแล้ว กกต.ไม่ใช่ศาล การมานั่งรอ เหมือนเป็นการประวิงเวลาให้ใคร วันนี้เลยมาร้องใหม่ และไม่ได้หวังทางคุณมากแล้ว หากภายในวันที่ 28 มิ.ย. คุณยังไม่ได้ดำเนินการ ส.ว.ส่งศาลรัฐธรรมนูญแน่นอน การต่อสู้ของผมเพื่อต้องการให้รู้ว่าทุกคนเสมอภาคกัน นายพิธาไม่สามารถได้อภิสิทธิ์ใด ๆ จากรัฐธรรมนูญเหนือคนอื่น เพราะก่อนหน้านี้ กกต.มีการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัคร กรณีถือหุ้นสื่อไปก่อนหน้านี้” นายนพรุจ กล่าว