'เรืองไกร' ยื่น กกต.เพิ่มสอบต่อ 'พิธา' ปมหุ้น itv ปัดเอี่ยวขบวนการปลุกผี

'เรืองไกร' ยื่น กกต.เพิ่มสอบต่อ 'พิธา' ปมหุ้น itv ปัดเอี่ยวขบวนการปลุกผี

'เรืองไกร' ลุยต่อเนื่อง! ส่งเอกสาร กกต.เพิ่ม หนุนสอบ ม.151 'พิธา' ปมใบสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ-แคนดิเดตนายกฯ เหน็บ 'ก้าวไกล' อ่าน รธน.ให้แตก โต้เอี่ยวขบวนการปลุกผีไอทีวี

เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. 2566 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้ส่งหลักฐานเพิ่มเติมขอให้ กกต.นำไปตรวจสอบเพิ่มเติม กรณีตั้งกรรมการสืบสวนสอบสวนนายพิธา  ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ที่ถูกพิจารณาในคดีอาญา มาตรา 151 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. 2561 รวมทั้งขอให้กกต.ตรวจสอบตามแบบส.ส. 4/20 ซึ่งเป็นหนังสือยืนยอมให้เสนอชื่อลงสมัครเป็นส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ และ 4/30 หนังสือยินยอมให้เสนอชื่อรับแต่งตั้งเป็นนายกฯ ว่า เข้าข่ายตามความในมาตรา 132 หรือไม่  ทั้งนี้ได้มีการนำส่งทางไปรษณีย์ พร้อมสำเนาหน้าเฟซบุ๊กพรรคก้าวไกล ที่ได้โพสต์ข้อความหัวข้อ “คนโกงวงแตก ก้าวไกลชำแหระเพิ่มขบวนการปลุกผีไอทีวี” ที่มีเนื้อหา กรณีนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกลแถลงข่าวเปิดคลิปเสียงการประชุมผู้ถือหุ้นบริษัท itv จำกัด มหาชน  และสำเนาแบบส.ส.4/20 และ 4/30 

นายเรืองไกร กล่าวว่า ข้อความบางส่วนมีการกล่าวถึงตนแบบคาดเคลื่อน ไม่ตรงตามความจริง ทั้งนี้ ขอย้ำว่าการเดินทางมายื่นเรื่องร้องเรียนต่อ กกต.ที่ผ่านมาๆ ตนดำเนินการคนเดียว ไม่ได้ร่วมกับผู้อื่น ส่วนกรณีที่นายชัยธวัช ระบุถึงกรณีที่กกต.จะดำเนินการ 151 กับนายพิธา ไม่มีหลักฐาน และน้ำหนักเพียงพอนั้น ตนเห็นว่า การดำเนินการของ กกต.ตามมาตรา 151 ควรหมายรวมถึงการกระทำตามแบบ ส.ส. 4/20 และ 4/30 จึงควรตรวจสอบตามมาตรา 151 ให้ครบถ้วน เพราะตามหนังสือยินยอมให้เสนอชื่อรับสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ และหนังสือยืนยอมให้เสนอชื่อแต่งตั้งเป็นนายกฯ ซึ่งนายพิธาจะต้องลงนามรองรับไว้แล้ว 

นายเรืองไกร กล่าวว่า การส่งหนังสือนี้ เป็นการส่งเพิ่มเติมตามมาตร 151 หลังจากเมื่อไม่กี่วันก้าวไกลมีการโพสต์ข้อความกล่าวอ้างถึงตนต่างๆ ซึ่งยืนยันว่าทำคนเดียว ไม่ใช่พ่อมดหมอผี นอกจากส่งหลักฐานประกอบเพิ่มเติมแล้ว ยังอธิบายรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (3) จะต้องไม่ถือหุ้นสื่อ ซึ่งใช้กับบังคับครอบคลุมไปถึงองค์กรอื่นๆ ด้วย เช่น วุฒิสภา คณะรัฐมนตรี รัฐมนตรี ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ รวมถึงกรรมการองค์กรอิสระ และองค์กรตามรัฐธรรมนูญ ต้องไม่ถือหุ้นสื่อ ส่วนที่พรรคก้าวไกลพยายามแก้ต่างว่าถือหุ้นเพียง 4.2 หมื่นหุ้น ตนก็ขอยกรัฐธรรมนูญมาตรา 187 ให้เห็นว่า ถ้ารัฐธรรมนูญจะกำหนดจำนวนหุ้น ก็จะต้องระบุว่า ถ้ารัฐมนตรีจะถือหุ้น หรือเป็นหุ้นส่วนในบริษัทห้างหุ้นส่วนจำกัดเกินกว่าร้อยละ 5 หากเกินนี้แต่ไม่แจ้ง หรือฝากก็จะต้องพ้นจากตำแหน่ง แต่หากเป็นการจัดกัน หรือก้าวก่ายแทรกแซงการทำงานของสื่อก็จะเข้าตามมาตรา 184 วรรค 4

นายเรืองไกร กล่าวอีกว่า อีกทั้งการที่ กกต.จะดำเนินคดีอาญาตามมาตรา 151 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. ต้องดูในหนังสือยินยอมลงสมัครรับเลือกตั้ง  ส.ส. และแคนดิเดตว่า ต้องไม่มีลักษณะต้องห้าม แต่เนื่องจากนายพิธาสมัคร 2 สถานะ ทั้งส.ส.บัญชีรายชื่อ และสมัครแคนดิเดตนายกฯ ซึ่งห้ามเหมือนกัน ตนจึงขอให้กกต.ตรวจสอบประเด็นนี้เพิ่มเติมเข้าไปด้วย  

เมื่อถามว่าก้าวไกลมีการโต้แย้งว่า คุณสมบัติต้องห้าม ไม่ครอบคลุมถึงคุณสมบัติแคนดิเดตนายกฯ นางเรืองไกร กล่าวว่า ใครว่ามา อ่านรัฐธรรมนูญมาตรา 89 วรรคสอง เป็นหรือไม่ ขอให้คนพูดไปอ่านรัฐธรรมนูญมาตรา 89 วรรคสองและพ.ร.ป. ส.ส. มาตรา 14 วรรคสองด้วย 

เมื่อถามว่าพรรคก้าวไกล มีข้อสงสัยเกี่ยวกับรายงานงบการเงินไอทีวีปี 2565 ที่ยื่นต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) และกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ มีข้อความแตกต่างกัน เกี่ยวกับการทำกิจการสื่อและชี้พิรุธว่ารายงานงบฯ ที่ออกมาวันที่ 10 พ.ค. ตรงวันที่นายเรืองไกรนำมายื่นร้องนายพิธา ที่กกต. เข้าข่ายว่าเป็นหนึ่งในขบวนกรปลุกผีไอทีวี นายเรืองไกร กล่าวว่า ตนให้ข่าวเรื่องหุ้นว่าจะมายื่นกกต.ตั้งแต่วันที่ 9 พ.ค.แล้ว ว่าจะมายื่นกกต.วันที่ 10 พ.ค. ซึ่งอยากให้ไปดูเฟซบุ๊กส่วนตัวของนายพิธา ที่โพสต์ข้อความชี้แจงเกี่ยวกับการร้องเรียนเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 9 พ.ค. ว่าเจตนาสกัดพรรคก้าวไกล เพราะพรรคกำลังทลายทุนผูกขาด ไม่มีข้อความใดที่เขียนว่ามีการปลุกผีไอทีวี ส่วนถ้ามองว่ารายงานงบฯ ที่ส่งกลต.และกรมพัฒนาธุรกิจการค้ามีพิรุธ ก็เรียกให้สอบได้ แต่ตนไม่ได้ดูเอกสารฉบับนี้ของกลต. และตนสงสัยว่า ในเมื่อไอทีวีถูกถอดออกจากตลาดหลักทรัพย์แล้ว เหตุใดยังต้องยื่นรายงานงบฯ ต่อกลต.ด้วย ซึ่งนายพิธาก็ได้โพสต์เฟซบุ๊กในวันที่ 6 พ.ค.ว่าบริษัทไอทีวีถูกถอดออกจากตลาดหลักทรัพย์แล้ว