'พิธา' เมิน กกต.แขวน 7 ว่าที่ ส.ส.ก้าวไกล แย้มศึกชิง "ประธานสภา" รอจังหวะเหมาะ

'พิธา' เมิน กกต.แขวน 7 ว่าที่ ส.ส.ก้าวไกล แย้มศึกชิง "ประธานสภา" รอจังหวะเหมาะ

'พิธา' เมิน กกต.แขวน 7 ว่าที่ ส.ส.ก้าวไกล ยันไม่กระทบจัดตั้งรัฐบาล เผยความคืบหน้าเจรจาเก้าอี้ 'ประธานสภาฯ' รอฟังช่วงใกล้เปิดสภาฯ ย้ำไม่ห่วงคดีหุ้น itv หากตัดสินเที่ยงธรรม จัดตั้งรัฐบาลได้แน่

เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. 2566 ที่จ.ลำปาง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่ในวันนี้ ว่า ดีใจ และได้รับการตอบรับจากพี่น้องประชาชนทั้งเขต 4 และเขต 1  ซึ่งเคยลงพื้นที่มาก่อนช่วงสงกรานต์ ทำให้เห็นว่าก่อนสงกรานต์เป็นอย่างไร พอมาหลังเลือกตั้งก็ยังครั้งนี้ก็ยังได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี หวังว่าจะช่วยกันทำงานจนกระทั่งได้รับการเปลี่ยนแปลงขึ้นจริงๆ ในจ.ลำปางให้ได้

เมื่อถามว่าตอนนี้มี ส.ส. 71 คน ซึ่งในจำนวนนี้มี ส.ส.พรรคก้าวไกล 7 คน ที่ กกต.ยังไม่รับรองเนื่องจากมีเรื่องร้องเรียน เบื้องต้นได้รับทราบข้อมูลหรือไม่ว่ามีกรณีร้องเรียนอย่างไร นายพิธา กล่าวว่า ยังไม่ทราบ ทราบเพียงข้อเท็จจริงจากสื่อมวลชนว่ายังไม่รับรองทั้งหมด 71 คนและเป็นของพรรคก้าวไกล 7 คน ของพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลทั้งหมดประมาณ 30 คน อีก 41 คน เป็นของฝ่ายค้าน อันนี้คือข้อเท็จจริงที่รู้ ณ ตอนนี้ แต่ในส่วนของพรรคก้าวไกลทั้ง 7 คน ก็ไม่มีใครทราบเหตุผล และกกต.จังหวัดก็ไม่ทราบเหตุผลเช่นเดียวกัน และต้องรอให้เป็นกระบวนการของทาง กกต. ต่อไป 

เมื่อถามว่ากรณีที่เกิดขึ้นจะมีผลต่อการจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า คิดว่าไม่น่าจะมี อย่างที่วิเคราะห์ให้ฟังว่า 71 คนเป็นฝั่งของเรา 30 คน เป็นฝั่งที่ไม่ได้เป็นรัฐบาล 41 คน เพราะฉะนั้นฝั่งของเราก็จำนวนไม่ได้เยอะ แต่ละในพื้นที่คิดว่าถ้าได้ทราบถึงเหตุและผลก็น่าจะชี้แจงได้ทุกกรณี ตรงนี้จึงไม่น่าจะมีอะไรเป็นที่น่ากังวลใจและทำให้การจัดตั้งรัฐบาลสะดุดได้

เมื่อถามว่าขณะนี้ได้ข้อยุติในเรื่อง"ประธานสภา"แล้วหรือยัง นายพิธา กล่าวว่า ก็มีความคืบหน้า และรอดูจังหวะเวลาว่าในช่วงที่มีการเปิดสมัยประชุมสภา และต้องเลือกประธานสภา จังหวะที่เหมาะสมคงจะเป็นช่วงนั้น แต่ก็เรียนได้ว่ามีความคืบหน้าพอสมควร

เมื่อถามย้ำว่า พรรคก้าวไกลยืนยันยังไม่ทิ้งตำแหน่งนี้ใช่หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า เดี๋ยวรอฟังในจังหวะที่เหมาะสม แต่ก็เป็นการพูดคุยกันภายในระหว่างพรรคเพื่อไทยกับก้าวไกลและมีความคืบหน้า

เมื่อถามว่ามีการมองว่าถ้าตำแหน่งประธานสภาเป็นของพรรคเพื่อไทยการจัดตั้งรัฐบาลของก้าวไกลอาจจะยากขึ้น นายพิธา กล่าวว่า ตนก็คิดว่าตำแหน่งประธานสภาเป็นตำแหน่งที่สำคัญ แต่ว่ามันก็มีหลายปัจจัยที่ต้องคิดถึงคำนึงถึงความเป็นกลางของเพื่อนสมาชิกด้วยกันทุกคน เพราะฉะนั้นเรื่องนี้มันก็คงไม่ได้เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งรัฐบาลอะไรเท่าไร 

เมื่อถามว่าวันนี้ครบ 1 เดือนหลังการเลือกตั้งอยากเรียกร้องอะไรไปทาง กกต. เพิ่มเติมหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ตนเป็นคนที่มีส่วนได้ส่วนเสีย แต่ถ้าดูจากที่พี่น้องประชาชน หรือเครือข่ายภาคประชาชนอย่างไอลอว์ก็แสดงให้เห็นและเปรียบเทียบให้ดูว่าของประเทศตุรกีก็เลือกตั้งวันเดียวกัน แต่ของตุรกีทำงานแล้วของประเทศไทยก็ยังมีระยะเวลาที่ยังใช้เวลาอยู่ แต่ต้องอธิบายให้เข้าใจว่าระบบของตุรกีกับระบบของไทยการปกครองมันไม่เหมือนกันก็อาจจะใช้เวลานาน ก็ให้เวลา กกต. ทำงานอย่างมีทั้งความโปร่งใสและประสิทธิภาพให้มากที่สุด แต่ว่าประชาชนคนไทยก็รอไม่ได้ เพราะต้องการที่จะมีรัฐบาลที่ทำงานได้ทันที

เมื่อถามว่าจะให้ความมั่นใจกับประชาชนที่เลือกนายพิธาและพรรคก้าวไกลที่ตอนนี้ยังหวั่นในเรื่องการโหวตเลือกนายกฯ อยู่ นายพิธา กล่าวว่า ก็อยากจะให้ความมั่นใจกับพี่น้องประชาชนที่เลือกพรรคเรามาว่าการจัดรัฐบาลตอนนี้ก็มีความคืบหน้าไปเรื่อยๆ คณะทำงานก็ยังทำงานกันอย่างเต็มที่ และพูดคุยถึงปัญหาของพี่น้องประชาชนในหลายๆ เรื่อง เช่น วันนี้มีเรื่องเกี่ยวกับน้ำประปามา ซึ่งได้มอบหมายให้คณะทำงานในฝ่ายเศรษฐกิจ ในฝ่ายของการลดความเหลื่อมล้ำให้ไปศึกษาเบื้องต้นแล้ว ดังนั้นการเดินหน้าในการแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชนก็ยังเป็นวาระสำคัญ แน่นอนมันมีขวากหนามมีเรื่องเกี่ยวกับการเมืองมาเกี่ยวข้องเล็กน้อย ซึ่งเรื่องนั้นก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคอะไร ทุกอย่างสามารถที่จะชี้แจงได้ด้วยหลักฐานและข้อกฎหมายก็ไม่ได้มีอะไรทีน่ากังวลใจแต่อย่างใด 

เมื่อถามถึงกรณี ป.ป.ช.ระบุถึงเอกสารที่ศาลสั่งให้นายพิธาเป็นผู้จัดการมรดกอาจจะนำไปสู่การสู้คดีเรื่องหุ้นไอทีวีได้หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า อันแรกที่เลขาธิการ ป.ป.ช. บอกว่าตนได้ยื่นแล้วก็เป็นไปตามที่เลขาฯ ป.ป.ช.ได้พูดมา ส่วนในเรื่องคดี กกต. ก็อย่างที่เคยได้ให้สัมภาษณ์ว่ายังไม่ได้เห็นว่ากกต.สงสัยหรืออยากพิจารณาประเด็นอะไร ถ้าเขาเสนอมาตรงนั้นก็จะได้ตอบสนองให้ตรงกับประเด็นที่ทาง กกต. ตั้งเรื่องมา แต่ทุกวันนี้ก็ยังไม่มีการตั้งเรื่องจากกกต. ก็ไม่ได้มีความรู้สึกหวั่นไหวอะไร ไม่ได้มีความกังวลอะไร ทุกครั้งที่มีการพูดคุยกันเลขาฯ ป.ป.ช. ก็ได้พูด 2-3 ครั้งว่าตนค่อนข้างที่จะมีความรัดกุมในการเตรียมเอกสารยื่นกับ ป.ป.ช. ตั้งแต่การมาเป็นส.ส.สมัยแรก ในสมัยพรรคอนาคตใหม่ 

เมื่อถามว่าในเลขาธิการ ป.ป.ช. ยังระบุว่าได้ตรวจสอบไปที่ศาล แต่ศาลระบุว่าไม่มีเอกสารการเป็นผู้จัดการมรดกอยู่แล้ว เรามีต้นขั้วเก็บไว้หรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า เพราะว่าเป็นเอกสารที่แต่งตั้งให้ตนเป็นผู้จัดการมรดกตั้งแต่ปี 2550 ตอนนี้ก็ล่วงเลยมา 16-17 ปีแล้ว ก็คงอาจจะไม่ได้มีเอกสารตรงนั้น แต่ถึงเวลาถ้าเป็นเอกสารที่ต้องการจะมีการพูดคุยกันก็อย่างที่บอกว่ารอให้กกต.ขอมาก่อนดีกว่า แล้วเดี๋ยวค่อยไปตอบกันตรงนั้น 

เมื่อถามถึงกรณีหุ้นไอทีวีจะมีการฟ้องกลับใครบ้างหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ตอนนี้คณะทำงานทางกฎหมายของพรรคก็รวบรวมข้อมูลมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลที่ปรากฏหรือไม่ปรากฏอยู่บนหน้าสื่อ ที่มีผู้หวังดีที่เกี่ยวข้องได้ส่งมาให้เรื่อยๆ เราก็รวบรวมข้อมูลไว้ ในส่วนว่าจะดำเนินคดีหรือไม่นั้นยังไม่ได้เป็นปัจจัยที่ตัดสินใจกันตอนนี้ แต่ถามว่ามีการสะสมข้อมูลหรือความไม่ชอบมาพากลหรือไม่ ก็ตามกระบวนการที่มีพี่น้องประชาชนหวังดีคอยส่งข้อมูลมาให้ทางเราทั้งที่อยู่เบื้องหน้าและเบื้องหลังสื่อมวลชน เดี๋ยวค่อยตัดสินใจอีกทีหนึ่ง

ส่วนยังมีความกังวลในเรื่องหุ้นสื่ออยู่หรือไม่นั้น นายพิธา กล่าวว่า ไม่มีความกังวล ถ้าการตัดสินเป็นไปอย่างเที่ยงธรรม บริสุทธิ์ ยุติธรรม ตามหลักไม่ว่าจะเป็นศาลฎีกา ศาลรัฐธรรมนูญ หรือศาลอาญา ตนมั่นใจว่าเราสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้แน่นอน 

เมื่อถามว่าอยากสร้างขวัญกำลังใจให้กับประชาชนที่อาจจะถอดใจกับอำนาจบางอย่างที่เข้ามาดำเนินการเรื่องนี้อย่างไร นายพิธา กล่าวว่า ก็ต้องบอกเหมือนกับตอนก่อนเลือกตั้งว่าประเทศเราควรที่จะขับเคลื่อนด้วยความหวัง ไม่ใช่ด้วยความกลัว แน่นอนว่ามันมีเกมการเมืองหลายเรื่องที่อาจจะทำให้เรารู้สึกเบื่อ กังวลใจ หรือกลัว แต่ถ้าเรารู้สึกตามเขาเมื่อไรก็คือเราแพ้ทันที ดังนั้นเราต้องมีความหวังตลอดเวลาว่าทุกอย่างก็เป็นไปได้ในประเทศไทย 

เมื่อถามถึงกรณีที่นายสมชัย เปิดเอกสารที่นายเรืองไกร ไปยื่นต่อ กกต.เพิ่มว่าการโอนหุ้นของนายพิธา เป็นการโอนไม่ได้สละมรดกเมื่อช่วงปลายเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร นายพิธา กล่าวว่า ข้อเท็จจริง 2 เรื่องนี้ ต้องแยกกันโอนก็โอน สละก็สละ แต่อย่างที่เคยได้ให้สัมภาษณ์ไปแล้วว่าไม่ใช่เป็นการขายหุ้นอย่างที่ตอนแรกเข้าใจกัน ก็เป็นการโอนหุ้น

เมื่อถามว่าในฐานะทายาท นายพิธายืนยันว่าได้สละมรดกในส่วนนี้ด้วยหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ยังไม่ยืนยัน ๆ เดี๋ยวต้องไปพูดคุยกันอีกทีหนึ่ง การสละมรดกกับการโอนมันคนละเรื่องกัน แต่ที่ยืนยันได้ก็คือว่าการโอนที่เกิดขึ้นหรือถือหุ้นไอทีวีที่เกิดขึ้น ทำในฐานะผู้จัดการมรดก ไม่ใช่เป็นฐานะส่วนตัว