‘จตุพร’ มอง ‘พิธา’ ตั้งรัฐบาลเจอทางตัน‘เพื่อไทย’แยกขั้วหนุน 'ประวิตร' นายกฯ

‘จตุพร’ มอง ‘พิธา’ ตั้งรัฐบาลเจอทางตัน‘เพื่อไทย’แยกขั้วหนุน 'ประวิตร' นายกฯ

‘จตุพร’ มอง ‘พิธา’ ตั้งรัฐบาล312เสียงเจอทางตันเตรียมเจอสูตร ‘เพื่อไทย’ แยกขั้ว ข้ามฟากจับมือตั้งรัฐบาลกับฝ่าย 188 เสียง หนุน ‘บิ๊กป้อม’ นั่งนายกรัฐมนตรี

นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองกรณีการจัดตั้งรัฐบาลของพรรก้าวไกล ว่า ขณะนี้การจัดตั้งรัฐบาล 312 เสียง ส่อลุกลามบานปลายขึ้น มีปัจจัยการถือหุ้นITV ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกฯ พรรคก้าวไกล และการชิงตำแหน่งประธานสภา แล้วผสมด้วยเงื่อนไขสำคัญ ส.ว.ไม่หนุนฝ่าย 312 เสียง

โดยมีการขยายผลกดดันให้พรรคเพื่อไทยแยกขั้ว ข้ามฟากไปจับมือตั้งรัฐบาลกับฝ่าย 188 เสียง ขณะที่การลุกฮือต่อต้านของประชาชนยากหลีกเลี่ยงได้ ดังนั้น ถ้ารัฐบาลใหม่ควบคุมความสงบไม่ได้ โอกาสจะจบลงท้ายด้วยทหารยึดอำนาจ อาจมีความเป็นไปได้สูง
 

ปัจจัยคุณสมบัติของนายพิธานั้น นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ฝ่ายกฎหมาย ได้ส่งสัญญาณนำร่องดัวยคำถามถึงคำร้องการถือหุ้นITV มี 3 ประเด็นหรือไม่ คือ คุณสมบัติ ส.ส. คุณสมบัติเป็นรัฐมนตรี และการรับรองผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. การพูดชี้ประเด็นเช่นนี้เท่ากับสื่อแนะคำร้องให้จัดการนายพิธา ซึ่งนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคพลังประรัฐ ได้ยื่นคำร้องครบถ้วนตามที่นายวิษณุ ถามไว้

ซึ่งประเด็นทั้ง 3 กรณีนี้ นายวิษณุ เห็นว่าอาจทำให้เลือกตั้งเป็นโมฆะ หรือต้องเลือกตั้งใหม่ทั้งประเทศ แต่ปัญหาคือ จะเลือกตั้งใหม่เฉพาะหรือเลือกตั้งใหม่ทั้งหมด ดังนั้น ขณะนี้ได้แสดงถึงเกมหลายเกมจะออกมาจัดการรัฐบาล 312 เสียง แม้ถ้าศาล รธน.วินิจฉัยคุณสมบัติของนายพิธา ไม่ขัด รธน. แต่ก็ต้องเจอกับดัก 750 เสียง (ส.ส. 500 บวก ส.ว. 250) ในการโหวตเลือกนายกฯ
 

โดยในแบบที่สองเป็นการเร่งรีบของพรรคเพื่อไทยจะเอาตำแหน่งประธานสภามาไว้ในมือให้ได้ เนื่องจากเหตุคุณสมบัติของนายพิธา จะลามถึงศาล รธน. สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. ดังนั้น แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทยจะมีโอกาสได้โหวตในที่ประชุมรัฐสภา ไม่เพียงเท่านั้น พรรคเพื่อไทยอาจใช้สถานการณ์ถูกปิดล้อมแหวกออกไปตั้งรัฐบาลใหม่กับฝ่าย 188 เสียง และดึง ส.ว. มาร่วมหนุน ความน่าจะเป็นกับการตั้งรัฐบาลจะมีความสำเร็จ จึงมีแนวโน้มสูงยิ่ง

นายจตุพร กล่าวอีกว่า ในสถานการณ์พรรคเพื่อไทยข้ามฝั่งไปจับมือกับ 188 เสียงตั้งรัฐบาลนั้น แม้อาจหลีกหนีข้อครหาหักหลังเพื่อน แต่ต้องปัดตำแหน่งนายกฯ ทิ้งไป เพราะไม่ต้องการให้แคนดิเดตนายกฯ ทั้ง อุ๊งอิ๊งค์-แพทองธาร ชินวัตร หรือนายเศรษฐา ทวีสิน ต้องเผชิญแรงต่อต้านของมวลชนที่วุ่นวายเหมือนกองไฟร้อนแรงลุกโหมลามเมือง

ดังนั้น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ (แคนดิเดตนายกฯ พรรคพลังประชารัฐ) มีโอกาสได้รับเสียงสนับสนุนให้เป็นนายกฯ มารับมือกับความวุ่นวายที่ส่อจะเกิดขึ้นรุนแรง หากรับมือไม่ได้ก็ยังมี พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งเป็นตัวแทน ถึงที่สุดหากยังรับมือไม่ได้อีก ก็คงถึงขั้นสถานการณ์ลากไปสู่ทหารยึดอำนาจ 

"ต้องยอมรับความจริงอย่างหนึ่งว่า พรรคก้าวไกลอยู่ในสถานการณ์ที่ยากจะได้เป็นรัฐบาล และโอกาสรอดของนายพิธา ยิ่งยากที่สุดด้วย แต่จะลามไปถึง ส.ส.ที่ได้รับเลือกทั้ง 151 คนและคนที่ไม่ได้รับเลือกตั้งของพรรคก้าวไกลด้วยหรือไม่ ดังนั้นนายพิธา จำต้องกังวลอย่างยิ่ง ไม่ใช่พูดไม่กังวล" นายจตุพร กล่าว