ส่องซุ้ม 'บ้านใหญ่อีสาน' ชี้ขาด 'เพื่อไทย' ไปต่อหรือพอส่ำนี้

ส่องซุ้ม 'บ้านใหญ่อีสาน'  ชี้ขาด 'เพื่อไทย' ไปต่อหรือพอส่ำนี้

ร้าวลึกหลังศึกเลือกตั้ง อุ๊งอิ๊ง ลูกสาวนายห้างดูไบ เอาอยู่มั้ย เมื่อกองกำลังบ้านใหญ่อีสาน ประสานซุ้มเหนือ ขอฟรีโหวตชิงประธานสภาฯ

ตรวจแถว ส.ส.เขต ค่ายเพื่อไทย ฝ่าพายุสีส้มมาได้ 112 คน แยกเป็นบ้านใหญ่อีสาน 73 คน นี่คือกองกำลังหลัก พร้อมจะไปต่อ หรือขอแยกวง หากเกมต่อรองอำนาจไม่ลงตัว

จับตาสัปดาห์สุดท้ายของเดือน พ.ค.2566 หลังจาก อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร ไปพูดคุยกับทักษิณ ชินวัตร ที่สิงคโปร์ เดินทางกลับถึงเมืองไทยแล้ว สถานการณ์ความปั่นป่วนเรื่องแย่งชิงเก้าอี้ประธานสภาผู้แทนฯ จะพลิกผันไปทางไหน รวมถึงการแบ่งเค้กเก้าอี้รัฐมนตรี

แรงกระเพื่อมจากพรรคเพื่อไทย ที่มีแกนนำพรรคระดับอาวุโส ดาหน้าออกมาประกาศจองตำแหน่งประธานสภาผู้แทนฯ น่าจะมีอะไรที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนมากกว่าข่าวลือเรื่องการเตรียมแยกตัวไปจัดขั้วใหม่ 

ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่า ได้แจ้งทางพรรคก้าวไกลไปแล้วถึงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนฯ ที่ควรเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย สอดประสานกับ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ไปในทิศทางเดียวกัน

อย่าลืมว่า ประเสริฐ จันทรรวงทอง เป็นแกนหลักของซุ้มบ้านใหญ่โคราช ที่มีว่าที่ ส.ส.นครราชสีมา อยู่ในมือ 12 คน รวม ส.ส.บัญชีรายชื่ออีก 2 คน รวมเป็น 14 คน

ข้อมูล กกต.ประกาศแล้วว่า พรรคเพื่อไทย ได้ ส.ส. 141 ที่นั่ง แยกเป็น ส.ส. 112 ที่นั่ง และ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ 29 ที่นั่ง ซึ่งมีข้อน่าสังเกตว่า ส.ส.เขต 112 ที่นั่งนั้น ส่วนใหญ่เป็น ส.ส.อีสาน และ ส.ส.เหนือ มี ส.ส.ภาคกลางบ้างนิดหน่อย

เฉพาะ ส.ส.อีสาน จำนวน 73 ที่นั่ง คิดเป็นร้อยละ 80 ของ ส.ส.เขต พรรคเพื่อไทย สมมติว่า ส.ส.ลูกข้าวเหนียว รวมใจกันพลิกเกมไปทางใดทางใด รัฐบาลแห่งความฝันของด้อมล้ม ก็ล้มคว่ำคะมำหงาย

บ้านใหญ่อีสาน

นับแต่การเลือกตั้ง ส.ส.ปี 2548 เป็นต้นมา ภาคอีสาน เป็นพื้นที่สีแดงเข้ม คนอีสานส่วนใหญ่ยังรักและศรัทธาทักษิณ ชินวัตร ฉะนั้น เมื่อมีการเลือกตั้งจะกี่ครั้ง ก็เข้าคูหากาให้พรรคเพื่อไทย


สำหรับการเลือกตั้งปี 2566 สมรภูมิอีสาน ที่พรรคเพื่อไทย เคยได้รับชัยชนะยกจังหวัดนับสิบจังหวัด เหลือเพียงชนะยกจังหวัดเพียงแห่งเดียวคือ หนองบัวลำภู ส่วนมุกดาหาร และอำนาจเจริญ ที่เคยผูกขาดแชมป์ ส.ส.มา 4 สมัย ก็สูญพันธุ์ไปเลยในครั้งนี้

การเลือกตั้งครั้งนี้ มี ส.ส.อีสาน ทั้งหมด 133 ที่นั่ง และพรรคเพื่อไทย ได้ 73 ที่นั่ง ก็ถือว่ายังรักษาแชมป์อีสานไว้ได้ แต่ไม่บรรลุเป้าหมายที่ต้องการมากถึง 120 ที่นั่ง

อดีต ส.ส.เพื่อไทยสายอีสาน ที่สอบตก รู้อยู่แก่ใจว่าแพ้เพราะอะไร หากทางพรรคให้การสนับสนุนด้านทรัพยากรเพื่อการเลือกตั้งอย่างเต็มที่ คงไม่ต้องพ่ายก้าวไกลแค่ 10 ที่นั่งเหมือนทุกวันนี้

แม้แต่ ส.ส.ที่ได้รับชัยชนะ ส่วนใหญ่ก็สู้ด้วยทรัพยากรส่วนตัว เพราะพวกเขามีลักษณะเป็น ส.ส.บ้านใหญ่ ในพื้นที่นั้น ยกตัวอย่าง สจ.หมู วิรัช พิมพะนิตย์ ว่าที่ ส.ส.กาฬสินธุ์ เขต 1 ที่โกยแต้มมาได้มาถึง 6 หมื่นคะแนน ก็มาจากการสะสมฐานเสียง ด้วยทรัพยากรอันพร้อมสรรพสมัยที่เป็นที่ปรึกษา รมว.คมนาคม-ศักดิ์สยาม ชิดชอบ ก่อนจะขออนุญาตเสี่ยโอ๋ ย้ายมาสังกัดค่ายทักษิณ

ดังนั้น กองกำลัง ส.ส.อีสาน 73 คน ที่มีพื้นฐานมาจากบ้านใหญ่ จะเป็นตัวแปรในการจัดตั้งรัฐบาลผสม 8 พรรค ไม่ว่าจะเป็นศึกชิงประธานสภาฯ หรือการแบ่งเก้าอี้รัฐมนตรี

ซุ้มโคราช

กองกำลัง ส.ส.อีสาน พรรคเพื่อไทย ที่ใหญ่ที่สุดคือ ซุ้มบ้านใหญ่โคราช ภายใต้การนำของ ประเสริฐ จันทรรวงทอง ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และกำนันป้อ- วีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล อดีต รมช.คมนาคม ซึ่งมีว่าที่ ส.ส.โคราช อยู่ในซุ้ม 12 คน 

ชัยชนะของเพื่อไทยโคราช ที่กวาดมาได้ 12 ที่นั่งจากทั้งหมด 16 ที่นั่ง และปฏิเสธไม่ได้ว่า ทีม ส.อบจ.นครราชสีมา สังกัดมาดามหน่อย ยลดา หวังศุภกิจโกศล เป็นกองหนุนที่สำคัญ

ในจำนวน 12 ว่าที่ ส.ส.นครราชสีมา แยกออกเป็น 2 ซุ้มย่อยคือ ซุ้มแป้งมัน 7 คน ประกอบด้วยเขต 5 สมเกียรติ ตันดิลกตระกูล, เขต 7 ปิยะนุช ยินดีสุข , เขต 8 นิกร โสมกลาง ,เขต 10 อภิชา เลิศพชรกมล, เขต 11 อาทิตย์ หวังศุภกิจโกศล ,เขต 12 นรเสฎฐ์ ศิริโรจนกุล และเขต 16 พรเทพ ศิริโรจนกุล

ซุ้มประเสริฐ 5 คน ได้แก่เขต 4 ณัฐจิรา อิ่มวิเศษ, เขต 6 โกศล ปัทมะ ,เขต 13 พชร จันทรรวงทอง ,เขต 14 ศิรสิทธิ์ เลิศด้วยลาภ และเขต 15 รชตะ ด่านกุล 

ซุ้มเพชรพนมพร-ขาวขำ

เมื่อเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา เสี่ยป๊อป-ศราวุธ เพชรพนม ลูกเขย พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก จับมือ วิเชียร ขาวขำ นายก อบจ.อุดรธานี จัดทัพผู้สมัคร ส.ส.อุดรธานี ทั้ง 10 เขต โดยตั้งเป้าชนะยกจังหวัด

ผลการเลือกตั้งพลิกความคาดหมาย เมืองหลวงเสื้อแดงถูกเจาะไป 3 เขต เสี่ยป๊อป-ศราวุธ ก็สอบตกที่เขต 1 พ่ายเด็กก้าวไกล แต่เพื่อไทยอุดรฯ ก็ยังคว้าเก้าอี้ได้ ส.ส. 7 ที่นั่ง

ทีม ส.ส.อุดรฯ ชุดใหม่ใต้ร่มเงาบ้านใหญ่เพชรพนม-ขาวขำ 7 คน ประกอบด้วยเขต 2 หทัยรัตน์ เพชรพนมพร พี่สาวเสี่ยป๊อป-ศราวุธ, เขต 4 ภาณุ พรวัฒนา , เขต 5 กรวีร์ สาราคำ ,เขต 7 ธีระชัย แสนแก้ว ,เขต 8 เกรียงศักดิ์ ฝ้ายสีงาม , เขต 9 วัชระพล ขาวขำ ลูกชายเสี่ยวิเชียร และเขต 10 เทียบจุฑา ขาวขำ ภรรยาเสี่ยวิเชียร

เสี่ยวิเชียร ยังมีพันธมิตรอย่างว่าที่ ส.ส.หนองบัวลำภู, หนองคาย ,บึงกาฬ และเลย อีกประมาณ 7-8 ที่นั่ง ซึ่งพร้อมจะผนึกกับซุ้มบ้านใหญ่อุดร เพื่อรักษาผลประโยชน์ของกลุ่มตัวเอง

ซุ้มอีสานใต้

เกรียง กัลป์ตินันท์ เจ้าพ่ออีสานใต้ของค่ายทักษิณ คงผิดหวังกับผลเลือกตั้งจนแทบจะทำใจไม่ได้ เพราะสนามอุบลฯ พรรคเพื่อไทย ได้ 4 ที่นั่งจากทั้งหมด 11 ที่นั่ง แถมอำนาจเจริญ และยโสธร ก็พ่ายยับ

ที่สำคัญ ชูวิทย์ กุ่ย พิทักษ์พรพัลลภ อดีต ส.ส.อุบลฯ 9 สมัย และสมคิด เชื้อคง อดีต ส.ส.ดาวสภา แพ้ผู้สมัครหน้าใหม่จากพรรคเพื่อไทรวมพลัง 

เสี่ยเกรียงยังโชคดี ตรงที่ทีมเพื่อไทยศรีสะเกษ กวาดเก้าอี้ ส.ส.ได้ 7 ที่นั่งจากทั้งหมด 9 ที่นั่ง หากรวมเสียง ส.ส.สุรินทร์ อีก 4 ที่นั่ง ก็ทำให้เสี่ยเกรียง แม่ทัพอีสานใต้ มี ส.ส.อยู่ในมือประมาณ 15 ที่นั่ง น่าจะมีพลังต่อรองภายในพรรคอยู่พอสมควร 

นอกจากนี้ ยังมีซุ้มบ้านใหญ่ในอีกหลายจังหวัด ไม่ว่าจะเป็นขอนแก่น, ร้อยเอ็ด, กาฬสินธุ์, ชัยภูมิ, มหาสารคาม ,สกลนคร ฯลฯ

จะว่า ส.ส.พรรคเพื่อไทยเหล่านี้ ล้วนแต่เป็นเพื่อนพ้องของว่าที่ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย และพรรคพลังประชารัฐ หากเกิดสถานการณ์พลิกผัน ส.ส.บ้านใหญ่ทั้งหลาย ไม่ว่าจะสีไหน พรรคไหน ย่อมจะพูดคุยกันได้ง่ายกว่าแกนนำพรรคก้าวไกล