“อรรถวิชช์”ชำแหละเบื้องหลังทุนผูกขาด ขออาสาเข้าไปรื้อโครงสร้างพลังงาน

“อรรถวิชช์”ชำแหละเบื้องหลังทุนผูกขาด ขออาสาเข้าไปรื้อโครงสร้างพลังงาน

“อรรถวิชช์”ปอกเปลือกเบื้องหลังทุนผูกขาด ลั่น 14 พ.ค. เลือก “ชาติพัฒนากล้า” ไปทุบทุนผูกขาด รื้อโครงสร้างพลังงาน เสริมลังให้คนตัวเล็กยืนเท่าคนตัวใหญ่ จะทำให้ค่าไฟถูกลงทันทีเดือนละ 500 บาท

วันนี้ (12 พ.ค.66 ) พรรคชาติพัฒนากล้า จัดปราศรัยใหญ่ครั้งสุดท้าย ก่อนการเลือกตั้ง 14 พ.ค. 2566 ในหัวข้อ “ร่วมสร้างประเทศแห่งโอกาส สู้ทุนผูกขาด เศรษฐกิจต้องเรา” ณ โรงแรมรามาการ์เดนส์ ถนนวิภาวดีรังสิต 

นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า ทำในสิ่งที่ผมเชื่อ ถ้าไม่เชื่อไม่ทำ ตนบอก นายกรณ์ จาติกวณิช ตั้งแต่วันที่ออกจากพรรคเก่าว่า เราต้องสร้างประวัติศาสตร์ด้วยกัน เราต้องทำให้ได้ด้วย 

สิ่งที่ตนสนใจที่สุดคือ ปัญหาปากท้องพี่น้องประชาชน ตลอด 20 ปีที่ผ่านมาเราทำประชานิยมมาเยอะมาก แต่ไม่เคยมีนวัตกรรมใหม่อีกเลยในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา เหมือนเติมน้ำในถังรั่ว มันไม่ใช่ประชานิยม

แต่สิ่งที่พรรคชาติพัฒนากล้าทำคือ โอกาสนิยม เวลามองตาเด็กวันนี้กับเด็กสมัยก่อน เรามองไม่เห็นโอกาสในสายตาเขา ความอึดอัดใจเขามีตลอด 8 ปีที่ผ่านมา เขารู้สึกว่าเขาขาดโอกาส เขาจึงลงถนน

“ผมอยากสู้กับทุนพลังงาน ทุนผูกขาด ผลักดันให้เกิดการแข่งขันกันของสถาบันการเงิน ไมใช่แค่แจกร่ม กับปฏิทิน ส่วนปั๊มน้ำมันไม่ได้แข่งกับราคา แต่แข่งกันเรื่องแถมน้ำ ค่าไฟแพง เพราะมีการตั้งสำรองไฟเกินไปถึง 50% เพราะมีการอนุมัติผลิตไฟฟ้าไว้เกิน 

โดยคำนวณผิดเพราะคิดว่าจีดีพีจะฟื้นหลังเศรษฐกิจน้ำท่วมเท่ากันทุกปี พอมารัฐบาลชุดปัจจุบัน ยังจะมาซื้อไฟเพิ่มอีกทั้งที่เกินอยู่โดยอ้างว่าพลังงานสะอาดแต่ก็ให้นายทุนคนเดิม วิธีหนุนทุนผูกขาดหลายชั่วโคตรแบบนี้ ทำให้ค่าไฟแพงขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าเกรงใจนายทุนค่าไฟจะแพง และของจะแพงตามมา”

นายอรรถวิชช์ กล่าวต่อว่า ถ้าเราเข้าไปเป็นรัฐบาล เราจะทำให้ค่าไฟถูกลงทันทีเดือนละ 500 บาท เพราะทั้งราคาน้ำมัน ค่าไฟ เป็นราคาสมมุติทั้งสิ้น  กระทรวงการคลังไปดูสิว่าต้องทำอย่างไร ถ้าทำไม่ได้ ก็เอา กรณ์ จาติกวณิช ไปทำงานแล้วจะทำให้ดู ต่างประเทศเขาทำได้ เราก็ต้องทำได้ 

เช่น การเก็บภาษีลาภลอย ตนกับ นายกรณ์ ก็เสนอแนวทางนี้ แต่รัฐบาลก็ไม่ทำอะไรเลย กระทรวงพลังงาน ก็เช่นกัน อย่าเอานายทุนผูกขาด อย่าเอาคนที่โง่ คนที่แกล้งโง่ และคนขี้ขลาด ไปนั่ง กระทรวงนี้มีความผิดปกติทุกรอบ ตั้งแต่การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ เรื่องการส่งมอบท่อก๊าซ  

“รัฐบาลเกรงใจนายทุน ลูกน้องลุงนั่นแหล่ะตัวดี เป็นรัฐมนตรี แต่ทำตัวเหมือนซีอีโอธุรกิจพลังงาน กองทุนน้ำมันติดหนี้อยู่แสนกว่าล้าน คนที่จ่ายหนี้แทนคือ ประชาชน ถ้าทำไม่เป็น นายอรรถวิชช์  ก็ยังว่างนะครับ ทำได้ ทำเป็น เราจะลดเพดานค่าการกลั่นน้ำมัน เพราะมันเป็นราคาสมมุติ”

รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า ทุกนโยบายของพรรคชาติพัฒนากล้า ต้องเป็นนโยบายลำเอียง เพื่อให้คนตัวเล็กมีแต้มต่อ โดยมีลังหนุนให้ยืนได้สูงทัดเทียมกับคนตัวใหญ่ 

ลังอีกใบที่ต่อขาให้คนตัวเล็กคือ การยกเลิกแบล็กลิสต์ และใช้ระบบเครดิตสกอร์แทน เพื่อให้คนตัวเล็กเข้าถึงแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยในอัตราที่เป็นธรรม แรกๆ ปล่อยนโยบาย ธนาคารออกมาคัดค้านกันมาก และปฏิเสธว่าแบล็กลิสต์ไม่มีจริง วันเวลาผ่านไป มีแต่ประชาชนออกมาแสดงตัว ถ้าแบล็กลิสต์ไม่มีจริงทำไมต้องเป็นหนี้นอกระบบ อย่าตะแบงดีกว่า 

อีกลังที่จะหนุนให้คนตัวเล็กคือ การยกเลิกการเก็บภาษีคนที่มีรายได้ไม่ถึง 40,000 บาท ไม่ต้องเสียภาษี เพื่อให้มีเงินมาจ่ายค่าครองชีพ ลังอีกใบคือ ข้าราชการหนึ่งคำขอ ทำธุรกรรมผ่านมือถือ และสิ่งที่อยากเห็นมากที่สุดคือ ประเทศแห่งโอกาส ถ้าเราสร้างบรรยากาศการแข่งขันใส่โอกาสให้คนตัวเล็ก เราจะเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศนี้ได้ 

“ผมไม่ตกอยู่ในวังวนความขัดแย้งแบ่งสี บางพรรคอาจปราศรัย กลัวคนนั้นคนนี้จะกลับมา เลือกเราสิ แต่พวกคุณลืมหรือเปล่าว่า นี่คือการเลือกตั้งภายใต้ระบอบประชาธิปไตย เราจะทุบทุนพลังงาน ไม่ใช่หากินอยู่บนความขัดแย้ง ทำในสิ่งที่เชื่อ ผมเลือกชาติพัฒนากล้า ร่วมเป็นร่วมตายกับพี่น้องพรรคชาติพัฒนา ผมสู้ เพราะผมเชื่อ ผมอยากให้ทุกท่านเชื่อ เหมือนที่ผมคิด วันที่ 14 พฤษภาคม เลือกทั้งคนทั้งพรรคชาติพัฒนากล้า” นายอรรถวิชช์ กล่าว