“กลับบ้าน”กู้แผนแลนด์สไลด์ แก้เกม “3 กลุ่มสุ่มเสี่ยง”โค้งสุดท้าย

“กลับบ้าน”กู้แผนแลนด์สไลด์ แก้เกม “3 กลุ่มสุ่มเสี่ยง”โค้งสุดท้าย

น่าจับตาเกมกลับบ้าน ซึ่ง “อุ๊งอิ๊ง”จะรับไม้ต่อมาปลุกกระแส จะสามารถกอบกู้กระแส “เพื่อไทย” ให้กลับมาได้มากน้อยเพียงใด เมื่อ “ทักษิณ” ยอมทิ้งไพ่ตายในโค้งสุดท้าย หวังผลการเลือกตั้งแลนด์สไลด์ เพราะนี่คือทางเดียวที่จะสานฝันทั้งตัวเอง และพรรคเพื่อไทยได้

อาจไม่ใช่เรื่อง “เซอร์ไพรส์” การเมือง เมื่อ“ทักษิณ ชินวัตร" ส่งสัญญาณเรื่องวันเวลาในการกลับบ้าน ก่อนวันเกิดเดือนกรกฎาคม หลังจากถูกรัฐประหาร จนต้องปักหลักอยู่ในต่างประเทศกว่า 17 ปี แม้เกือบทุกๆ ปี อดีตนายกฯ ผู้นี้ จะเคยพูดถึงเรื่องกลับบ้าน 

ทว่าเลือกตั้ง ครั้งนี้ มีความสำคัญต่อเขาอย่างมาก เพราะเป็นเดิมพันทางการเมืองของ“ลูกสาว”บนเส้นทางแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และชีวิตตัวเองอย่างปฏิเสธไม่ได้ 

ปฏิเสธไม่ได้ว่า โค้งสุดท้ายในการหาเสียงเลือกตั้งครั้งนี้ กระแสแลนด์สไลด์ของเพื่อไทยเริ่มสะดุดลงในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา การใช้ยุทธศาสตร์ บีบให้เลือกขั้ว เลือกข้าง เลือกเชิงยุทธศาสตร์ เริ่มไม่ได้ผล ขณะที่พรรคก้าวไกล ที่อยู่ในขั้วเดียวกัน กลับไล่จี้มาติดๆ และไต่ระดับขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง 

ที่น่ากังวลคือ ตัวเลขโพลสำนักต่างๆ แม้แต่โพลภายในของเพื่อไทยเอง ตัวเลขก็ไม่ถึงขั้น “แลนด์สไลด์” 

100 เมตรสุดท้าย ที่แคนเดตนายกฯ อุ๊งอิ๊ง เปิดสารคดีเส้นทางสู่การเมือง ต่อด้วยการเปิดใจให้สัมภาษณ์พิเศษของ 2 แคนดิเดต เศรษฐา ทวีสิน ก็ไม่ได้สร้างกระแสให้เพื่อไทยกลับมาพีคเหมือนในช่วงก่อนหน้านี้ 

ขณะที่หลายพรรคการเมือง ในช่วงท้ายออกคลิป และพยายามเดินสายเวทีดีเบต เพื่อแสดงวิสัยทัศน์ในเชิงนโยบาย การแก้ปัญหา จนมีประเด็นข้อเปรียบเทียบ ถึงผู้นำพรรคในประเด็นนี้  ยกเว้นพรรค 2 ป.ที่เป็นผู้นำจากทหาร 

โค้งสุดท้าย มีการประเมินตัวเลขเป็นไปในแนวทางเดียวกันของหลายฝ่ายว่า โอกาสที่เพื่อไทยจะทะลุ 250 ที่นั่งเป็นไปได้น้อย อาจจะอยู่ในระดับ 200 ต้นๆ หรือ 100 ปลายๆ ในทางกลับกันก้าวไกล อาจะทะลุ 100 ขึ้นมา  ฉะนั้น ความเคลื่อนไหวของ ผู้นำทางจิตวิญญาณของเพื่อไทย อย่างทักษิณจึงต้องหาทางสกัดกั้น และตรึงกลุ่มสนับสนุนเพื่อไทยไม่ให้คะแนนไหลออกไปพรรคอื่น

เพื่อไทยพยายามแก้เกม ที่เป็นจุดอ่อนหลายเรื่อง โดยเมื่อช่วงบ่าย-ค่ำวันที่ 8 พ.ค. มีความเคลื่อนไหว “บิ๊กเนมเพื่อไทย” เรียกผู้สมัคร ส.ส. ทั้ง 400 เขตประชุม ทั้งออนไซต์และออนไลน์ ผ่านวีดิโอคอล เพื่อพูดคุยแนวทางการหาเสียงในช่วงโค้งสุดท้าย พร้อมกับแจ้งผลโพลของพรรค ซึ่งว่ากันว่า เป็นโพลที่ “ทักษิณ” มีส่วนสำคัญในการสำรวจด้วย

เมื่อผู้สมัคร ส.ส. ทราบผลโพลส่วนตัวแล้ว บิ๊กเนมได้แจ้งแนวทางการหาเสียงในห้วงเวลา 5 วันสุดท้าย ที่เหลือ โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม 

กลุ่มแรก ผู้สมัคร ส.ส. ที่มีคะแนนทิ้งห่าง ให้ใช้แนวทางหาเสียงตามปกติ เพื่อรักษาฐานเสียงให้เหนียวแน่นที่สุด และไม่เสียแต้มให้คู่แข่ง

กลุ่มสอง มีลุ้นโอกาส 50-50 กลุ่มนี้ ผู้สมัคร ส.ส. จำเป็นต้องเร่งหาเสียงโดยด่วน ต้องทำทุกวิถีทาง เพื่อหาแต้มการเมืองเพิ่มเติม เพราะประเมินแล้วว่า กระแสพรรคเพื่อไทยจะไม่พุ่งขึ้นไปมากกว่านี้แล้ว หากต้องการชนะเลือกตั้ง ต้องหาคะแนนนิยมส่วนตัวมาเพิ่ม

กลุ่มสาม แทบไม่มีโอกาสลุ้นเก้าอี้ ส.ส. แต่มีการกำชับให้หาแต้มปาร์ตี้ลิสต์ เพื่อช่วยให้พรรคมีจำนวน ส.ส. บัญชีรายชื่อเพิ่มขึ้น หากผู้สมัคร ส.ส. คนใด ไม่ได้เก้าอี้ ส.ส. แต่แต้มพรรคเพื่อไทยในพื้นที่พอมี ก็จะได้ทำงานต่อในตำแหน่งข้าราชการการเมือง

อย่างไรก็ตาม “บิ๊กเนม” ไม่แจ้งผลโพลยอด ส.ส. รวมของพรรคเพื่อไทย ที่คาดว่าจะชนะการเลือกตั้ง เพียงแต่บอกตัวเลขเดิมว่ามีโอกาสได้ ส.ส.280 ที่นั่ง ทำให้ ผู้สมัคร ส.ส. หลายคน ไล่โทรศัพท์เช็กข้อมูลกันเอง ซึ่งได้รับการยืนยันเหมือนกันว่า ผู้ใหญ่ไม่แจ้งผลโพลรวมของพรรค

ทำให้มีกระแสข่าวว่า ผลโพลครั้งสุดท้ายของ “ทักษิณ-เพื่อไทย” ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่า โอกาสชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ ได้เก้าอี้ ส.ส. เกิน 250 ที่นั่ง เกิดขึ้นยาก เนื่องจากกระแสของ “พรรคก้าวไกล” ค่อนข้างมาแรง มีโอกาสจะแซงทางโค้ง

จึงทำให้ “ทักษิณ-เพื่อไทย” ต้องเร่งแก้เกม แก้โจทย์ ให้ออกว่า จะตีไพ่ใบไหนถึงจะสามารถดึงกระแส ให้สวิงกลับมาที่พรรคเพื่อไทยให้ได้ เพราะต้องยอมรับว่าคะแนนนิยมของตัวผู้สมัคร ส.ส. เกือบทุกพื้นที่มีน้อยกว่าคะแนนนิยมพรรค หากคะแนนนิยมพรรคดิ่งลง คะแนนนิยมตัวผู้สมัคร ส.ส. อาจแทบไม่เหลือ

จึงไม่แปลกที่ “ทักษิณ” ยอมเทหมดหน้าตัก ประกาศกลับบ้าน-กลับประเทศไทยอีกครั้ง เพื่อเรียกกระแส-เรียกคะแนนการเมือง แม้จะประเมินแล้วว่า เกมนี้ก็มีโอกาสที่จะเสียแต้มไม่น้อยเช่นกัน หากกลุ่มที่กลัวทักษิณกลับมา ซึ่งกระจายไปหนุนพรรคต่างๆ ตัดสินใจใช้ความกลัว รวมเสียงกันเทคะแนนให้พรรคใดพรรคหนึ่งในขั้วอนุรักษนิยม

โดยเฉพาะในพื้นที่ กทม.-ภาคใต้ แต่ “ทักษิณ-เพื่อไทย” ประเมินแล้วว่า ยอมเสียแต้มการเมืองในบ่อเล็ก เพื่อตรึงแต้มการเมืองบ่อใหญ่ในพื้นที่ภาคอีสาน (133 ที่นั่ง) ภาคเหนือ (37 ที่นั่ง) รวม 170 ที่นั่ง อาจคุ้มกว่ามาก

อีกโจทย์สำคัญของเพื่อไทย คือกระแสของ “พิธา-ก้าวไกล” ไม่ได้มีแค่โซนหัวเมืองภาคอีสาน-ภาคเหนือ เพราะจากการสำรวจของหลายสำนักโพล มีทิศทางค่อนข้างตรงกันว่า กระแสพรรคก้าวไกลเริ่มลามไปยังพื้นที่ชนบทแล้ว ดังนั้นหากตรึงเอาไว้ไม่อยู่ “ทักษิณ-เพื่อไทย” อาจจะโดน “พิธา-ก้าวไกล” แบ่งคะแนนไปได้ 

ขณะเดียวกัน “พรรคขั้วรัฐบาลเดิม” มองอีกด้านว่า เกมนี้ของทักษิณอาจจะเข้าทางพวกเขาได้เช่นกัน หากแต้มการเมืองจาก “เพื่อไทย” ถูกถ่ายโอนไป “ก้าวไกล” ซึ่งจะเท่ากับว่า 2 พรรคตัดแต้มกันเอง ขณะที่ “พรรคขั้วรัฐบาลเดิม”จับมือกับหลบเขตแบ่งแต้มการเมืองกันอยู่ในหลายพื้นที่ มีโอกาสแย่งเก้าอี้ ส.ส. มาได้เช่นกัน

ไทม์มิ่งประกาศกลับบ้านของ “ทักษิณ” ถูกเซ็ตเพื่อปูทางสร้างอีเวนต์ให้ “ทัพหลวงเพื่อไทย” ซึ่งมีกำหนดการลงพื้นที่ จังหวัดเชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 10-11 พ.ค.นี้ เพื่อหวังปลุกกระแสคนรักทักษิณให้กลับมาเลือก “เพื่อไทย” โดยเฉพาะ “เชียงใหม่” ฐานที่มั่นบ้านเกิด ซึ่งแพ้ไม่ได้ แม้แต่เขตเดียว

หลังจากนี้ น่าจับตาเกมกลับบ้าน ซึ่ง “อุ๊งอิ๊ง”จะรับไม้ต่อมาปลุกกระแส จะสามารถกอบกู้กระแส “เพื่อไทย” ให้กลับมาได้มากน้อยเพียงใด เมื่อ “ทักษิณ” ยอมทิ้งไพ่ตายในโค้งสุดท้าย หวังผลการเลือกตั้งแลนด์สไลด์ เพราะนี่คือทางเดียวที่จะสานฝันทั้งตัวเอง และพรรคเพื่อไทยได้