"ประยุทธ์" นำแถลงนโยบายเศรษฐกิจ รทสช. ชี้ ต้องทำให้เป็น ตรงกลุ่มเป้าหมาย

"ประยุทธ์" นำแถลงนโยบายเศรษฐกิจ รทสช. ชี้ ต้องทำให้เป็น ตรงกลุ่มเป้าหมาย

"ประยุทธ์"​ นำทีม​ รวมไทยสร้างชาติ​ แถลงนโยบายเศรษฐกิจแก้ปัญหาปากท้องประชาชน​ ขอเป็นพรรคหลักในอนาคต​ เหตุรัฐบาลผสมปัญหาเยอะ​ ยันนโยบายรทสช.ทำได้จริงมีแหล่งที่มาหารายได้​ บอกต้องระวังการบริหารราชการแผ่นดิน​ หากมัวแต่ฟังจะให้นู้นนี่ประเทศก็เดินต่อไม่ได้

พรรครวมไทยสร้างชาติ จัดแถลงข่าวประเด็น "ประชาชนจะได้อะไรจากนโยบายพรรครวมไทยสร้างชาติ" นำโดย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​กลาโหม​ ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรคฯ พร้อมแกนนำพรรค ประกอบด้วย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ หัวหน้าพรรค​ นายจุติ ไกรฤกษ์ นายอนุชา นาคาศัย พลตรีนายแพทย์เหรียญทอง แน่นหนา​ เพื่อเป็นการย้ำจุดแข็งและจุดขายของนโยบายพรรค

โดยพลเอกประยุทธ์​ กล่าวว่า เป็นการเปิดตัวแถลงนโยบายหลักของพรรครวมไทยสร้างชาติ ว่าจะทำงานอะไรอย่างไรบนพื้นฐานของอะไร ในฐานะประธานยุทธศาสตร์ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ทุกอย่างต้องเป็นไปตามสิ่งที่เราทำกันมาแล้วหลายปี​ หลาย​อย่างก็สำเร็จและหลายอย่างยังไม่สำเร็จ และอยู่ระหว่างการดำเนินการมีปัญหาอุปสรรคมากมาย​ แต่ประเทศไทยของเรามีคน 70 กว่าล้านคน​  มีพื้นที่กว่า 5 แสนตารางกิโลเมตร​ ไม่ใช่เล็ก​ ไม่ใช่ใหญ่ แต่จะทำอย่างไรให้ทุกคนมีรายได้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น​ โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และพรรคทำงานต้องมีระบบ มีวิธีคิดให้คำนึงถึงทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ไม่ใช่พูดไปแล้วไม่มีวิธีทำอย่างนั้นไม่ได้ยึดระเบียบกฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบันรวมความไปถึง อะไรที่ต้องแก้ไข

พลเอกประยุทธ์​ กล่าวต่อว่า​ ตนมีวิสัยทัศน์และเป็นวิสัยทัศน์ที่ทำมาแล้ว​คือมั่นคง ​มั่งคั่ง อย่างยั่งยืน จะเห็นว่าการวาดภาพอนาคตว่าอนาคตข้างหน้าในอีกกี่ปี เราจะมีพื้นฐานอยู่บนความมั่นคงในทุกมิติ และเรื่องความมั่งคั่งของประชาชนทุกกลุ่ม​ ทุกฝ่าย​ ทุกวิชาชีพ​ ทุกรายได้ยั่งยืนไม่ใช่ทำปุ๊บปั๊บ​ แล้วไม่ทำโครงสร้างต่างๆ ให้ดีขึ้น​ ให้เกิดการพัฒนาต่อเนื่อง​ ก็จะไปไม่ได้อยู่ดี​ ไม่เกิดความยั่งยืน ตนอยากให้นโยบายเราเป็นพรรคที่เรียกว่าเป็นพรรคหลักในอนาคต ถ้าเราสามารถที่จะเข้ามาในสภาฯได้มากเราก็สามารถดำเนินการตรงนี้ได้ให้ดีขึ้นกว่าเดิม​ เพราะการเลือกตั้งเราก็ได้รัฐบาลผสมหลายพรรค พอแล้วตั้งขึ้นมา​ แต่ละพรรคก็มีนโยบายของตัวเอง​ เหมือนกับนักฟุตบอลต่างสโมสรมาเข้าทีมแข่งขันทีมชาติมันก็มีปัญหาหมด เวลาการประชุมอะไรต่างๆ ก็ต้องคำนึงถึงนโยบายพรรคด้วยผมขอร้องให้ทุกคนได้มองถึงนโยบายของรัฐบาลด้วยเพราะเป็นนโยบายถึงภาพรวม

พลเอกประยุทธ์ ยอมรับว่า​ ทุกพรรคทุกคนมุ่งหวังที่จะทำงานในหน้าที่พันธกิจ แต่ละกระทรวงของ​แต่ละพรรค​ โดยมีการบูรณาการกับหน่วยงาน เพื่อให้ปรับ ควบคู่กับยุทธศาสตร์​ และในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรค​ ตนจะพูดในสิ่งที่ตนคิด​  นำข้อมูลจากหลายฝ่ายมาประมวลด้วยตนเอง ตนเป็นคนชอบเอามาคิดเอาข้อมูลต่างๆที่มีอยู่ในปัจจุบันมาคิด มารังสรรค์​ มาสร้างและให้หน่วยงานต่างๆไปพิจารณาว่าจะทำอะไรอย่างไรได้บ้างควรจะเติมอะไรตรงไหน 

โดยช่วงหนึ่งพลเอกประยุทธ์​ กล่าวว่า​ แต่ละพรรคมีนโยบาย แต่ตนจะไม่ไปแตะต้องอะไรทั้งสิ้น​ เรื่องนโยบายพรรคอื่น​ แต่คาดหวังว่า​ หากได้เป็นรัฐบาลจะต้องคิดให้รอบคอบให้อยู่ในกรอบเพราะฉะนั้นประเด็นที่ควรจะคิดกันต่อไปในเรื่องอภิปรายกำหนดนโยบายต่างๆจะต้องหาคำตอบให้ได้ว่าเป้าหมายนโยบายคืออะไรและผลที่ต้องการคืออะไร ไม่ใช่มีนโยบายออกไปแล้วหาเงินไม่ได้ มันทำไม่ได้หรอก แล้วใครจะได้ประโยชน์ใครจะได้รับผลกระทบมีผลข้างเคียงอะไรอย่างไร

โดยพลเอกประยุทธ์​ กล่าวว่า นี่คือบุคลากรที่มีคุณภาพทั้งสิ้น​ ทั้งทำแล้ว​ ทำอยู่แล้ว​ ก็มีโอกาสที่จะทำต่อ หลายท่านก็ยังทำงานอยู่ในพื้นที่ ซึ่งพรรครวมไทยสร้างชาติไม่ใช่พรรคที่มีเฉพาะคนอายุเยอะๆไม่ใช่จริงๆแล้วมีทุกช่วงวัย ซึ่งประเทศไทยมีหลายช่วงวัย​ เราดูแลคนทุกๆวัยอยู่​ นี่คือประเทศไทยของเราประชาชนของเรา​ หากรอฟังเฉพาะให้ไอ้นี่ได้​ ไอ้นั่น​ได้​ แล้ว​ไม่ต่อเนื่อง​ ไม่ยึดโยงกับสิ่งที่ตนพูด​ จะทำให้ทุกอย่างไปต่อไม่ได้ เราต้องระมัดระวังในการบริหารราชการแผ่นดิน เราจะต้องทำในสิ่งที่ทำได้​ ทำให้เป็น​ ทำให้ถูก​ ทำให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย​ ตรงกับสิ่งที่ประชาชนเรียกร้องให้ได้มากที่สุด เพราะฉะนั้นนโยบายที่แถลงจะเกี่ยวข้องกับปากท้องและความเป็นอยู่ของประชาชน หลายเรื่องเป็นนโยบายที่ทำแล้วทำอยู่ทำต่อนโยบายใน 1 ปี​ 2 ปีเราจะทำอะไรบ้าง​ จะค่อยๆปล่อยออกไป แต่ก็ขึ้นอยู่กับอายุรัฐบาล​ แต่หากเอาหลักการเหล่านี้มาก็จะต่อเนื่องไปโดยตลอด สิ่งเหล่านี้เป็นนโยบายที่เกิดขึ้นได้จริงมีการหาข้อมูลสำรวจเป็นข้อมูลจากหลายภาคส่วน และมาช่วยกันดูที่ใช้วิธีการอย่างไร​ และจะใช้งบประมาณเท่าใด​ มีเงินหรือไม่​ และจะหาเงินอย่างไร​ มาจากที่ไหน พร้อมยืนยันว่านโยบายที่แถลงในวันนี้สามารถทำได้อย่างแน่นอน​ แต่สิ่งสำคัญคือจะทำอย่างไร ให้ประเทศที่มีรายได้เสียเงินล้านล้านบาทเพื่อที่จะสามารถดูแลคนได้ทุกกลุ่มทุกเป้าหมายทำให้เขามีชีวิตคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นถ้าสิ่งสำคัญที่สุดคือที่ตนเป็นกังวลคือการศึกษา​ การเกษตร ก็คือคนส่วนใหญ่ของประเทศจะต้องมีการปรับผมพยายามทำมาหลายปีแล้วจะต้องไปดูเรื่องกฎหมายโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการศึกษา แต่ทั้งหมดต้องอาศัยความร่วมมือ​ ความเข้าใจ​ เราบังคับไม่ได้ หากบังคับก็ไม่สำเร็จสักที​ 

พร้อมกับยังระบุอีกว่า​ เพราะประชาชนคือความรับผิดชอบของรัฐบาล และยังต้องปรับปรุงและยังต้องแก้ไข ต้องเจอเรื่องพวกนี้ทั้งนั้นไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาล โคตรเยอะไม่ได้เพราะผมเป็นประธานยุทธศาสตร์ ทุกวันพูดจะนึกว่าทำเองข้างล่างไม่ไหว ต้องให้คนที่เป็นคนทำได้พูด

ขณะที่นายพีระพันธุ์​ กล่าวถึงนโยบายของพรรคว่า​ นโยบายที่สกัดออกมาในวันนี้​ ได้สะท้อนออกมาจากหลักคิด ได้ดำเนินการทางการเมืองอย่างเป็นทางการ โดยการกำหนดนโยบายต้องคำนึงถึงผลกระทบสะท้อนสถานะต่างๆต่อบ้านเมืองไม่ใช่เพียงแต่กำหนดนโยบายเพื่อให้ได้คะแนนเสียง หรือเกทับบลัฟกัน สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องมีความรับผิดชอบต่อการเมืองและการบริหารราชการแผ่นดิน และรับผิดชอบต่อสถานการณ์เศรษฐกิจและความเชื่อถือของประเทศ

โดยนโยบายพร้อมทำ คือ เพิ่มสิทธิ์บัตรสวัสดิการพลัสเป็น 1,000 บาทต่อเดือน และใช้สิทธิ์ฉุกเฉินได้อีก 10,000 บาทต่อคน​ ลดหย่อนภาษีค่ารักษาพยาบาลตนเองและพ่อแม่รวมสูงสุด60,000 บาท​ ตั้งกองทุนฉุกเฉินประชาชนวงเงิน 30,000 ล้านบาท เบี้ยตอบแทนอพปร. คนละ1,000 บาทต่อเดือน​ คืน 30% เงินสมทบชราภาพผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ออมเงินพร้อมลดหย่อนภาษีด้วยกองทุน LTF แก้หนี้​ แช่แข็งหนี้ปลดหนี้ด้วยงาน​ ลดต้นทุนเกษตรกรปุ๋ย​ น้ำมัน​ ไฟฟ้า​ ราคาถูก รือกฎหมายที่รังแกประชาชน​ และเป็นอุปสรรคการทำกิน​ ไม่เลิกเงินบำนาญ​ให้ข้าราชการเบิกเงินสมทบ​ กบข.ได้ก่อน 30%

ขณะนโยบายด้านแรงงาน​ คืนเงินสะสมชราภาพผู้ประกันตนเพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้แก่แรงงานสูงสุด 30% และยังเป็นการเคลื่อนไหวอิสระในการบริหารมากขึ้น เพิ่มสิทธิ์ด้านการเงินดูแลบุตรให้แก่ผู้ประกันตนสูงสุด 1,000 บาทตั้งแต่เกิดจนถึงอายุ 10 ปีเงินบำนาญชราภาพ 10,000 บาทเพิ่มความมั่นคงหลังเกษียณ สร้างโรงพยาบาลประกันสังคมเพื่อผู้ใช้แรงงานให้เข้าถึงการบริการที่รวดเร็วเท่าเทียมและทั่วถึง