กกต.ชงถกนโยบาย 70 พรรค 25 เม.ย. รับผิดจริงปมพิมพ์รูปผู้สมัครสลับกัน

เมื่อวันที่ 24 เม.ย. 2566 ที่สำนักงานคระกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. กล่าวถึงกรณีประกาศที่ออกโดยเอกอัครราชทูต ณ กรุงลอนดอน พิมพ์รูปผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต11 สลับรูปกัน สำหรับเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรผิดพลาดว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นที่ประเทศอังกฤษก็ต้องยอมรับว่ามีความผิดพลาด แต่เราได้ทราบเรื่องและแก้ไขโดยส่งฉบับที่ถูกให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งไปแล้ว และได้ตรวจสอบที่สถานทูตอื่น ซึ่งที่ประเทศอังกฤษจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งเยอะแล้วพอได้รับเอกสารแล้วท่านก็ส่งเลย แต่ที่ประเทศอื่นฉบับที่เราแก้ไขให้ถูกต้องได้ส่งไปถึงผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ลงทะเบียนไว้ โดยไม่ได้ส่งฉบับที่ผิดพลาดรอบแรกไป และเท่าที่ได้ตรวจสอบกับทางสถานทูตและสถานกงสุลมีแค่ที่อังกฤษที่ผิดพลาด

นอกจากนี้นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. และนายกิตติพงษ์ บริบูรณ์ รองเลขาธิการ กกต. ร่วมกันแถลงถึงการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรที่ทางกองทัพไทยได้ส่งเครื่องบินไปรับคนไทยที่อยู่ซูดานหลังมีการสู้รบกัน ว่า กฎหมายได้เขียนในเรื่องลักษณะนี้ที่จะเกิดขึ้นคือเมื่อมีเหตุจลาจล อุทกภัย อัคคีภัย เหตุสุดวิสัย หรือเหตุจำเป็นอื่นๆก็สามารถกำหนดวันลงคะแนนใหม่ได้ 2 ครั้ง ถ้ายังเกิดเหตุอยู่ครั้งที่3 ก็ให้งดการลงคะแนนได้ เรื่องเหตุที่ซูดานน่าจะเข้าตามเกณฑ์กฎหมาย และให้ถือว่าผู้ที่ลงทะเบียนเลือกตั้งนอกราชฯไว้นั้นไม่เป็นผู้เสียสิทธิที่แจ้งเหตุว่าไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้

เมื่อถามว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นหรือต้องยุติไปเลย เพราะกำลังจะอพยพกลับไทย  นายกิตติพงษ์ กล่าวว่า  เรื่องนี้ทางสำนักงานฯได้พิจารณาว่าจะมีข้อกฎหมายใดบ้างที่จะให้ผู้ที่ได้ลงทะเบียนเอาไว้ของซูดานสามารถใช้สิทธิได้ เรื่องนี้ต้องดูช่องทางของกฎหมายก่อน แต่โดยเบื้องต้นทุกคนที่ได้ลงทะเบียนที่ซูดานถือว่าเขาได้เป็นผู้แจ้งเหตุไม่สามารถไปใช้สิทธิได้แล้ว เมื่อกฎหมายกำหนดไว้เช่นนี้ในเบื้องต้นเขาจะได้ใช่เป็นผู้ถูกจำกัดสิทธิเพียงแต่ว่าเขาจะสามารถใช้สิทธิได้หรือไม่ต้องไปดูช่องทางกฎหมายอีกครั้งหนึ่ง

เมื่อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ว่าจะให้เขาเลือกตั้งก่อนกลับไทย นายกิตติพงษ์ กล่าวว่า ก็มีความเป็นไปได้ แต่ก็ต้องดูสถานการณ์ด้วยว่าจะสามารถจัดให้เขาลงคะแนนได้หรือไม่ เรื่องนี้เรากำลังศึกษาอยู่ ซึ่งมีจำนวนผู้ลงทะเบียน 94 คนเท่านั้นเอง ถ้าจะจัดให้เลือกตั้งได้เรากำลังประสานกับกรมการกงสุลในเรื่องการอพยพต่างๆ

• ปม 130 ชื่อผู้สมัคร ส.ส. ตรวจสอบคุณสมบัติตามขั้นตอน หากพบถือหุ้นสื่อเข้าข่ายต้องห้าม

นายแสวง กล่าวถึงกรณีมีรายงานข่าวว่า กกต.จะมีการถอนสิทธิ์ผู้รับสมัครเลือกตั้ง ส.ส. 130 คน ว่า เวลาที่กกต.พิจาณาคุณสมบัติ และลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 42 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 นั้นจะมี 26 หน่วยงานที่มาสนับสนุนการตรวจสอบคุณสมบัติ และลักษณะต้องห้ามด้วย โดยเมื่อรับสมัครเข้ามา แล้ว กกต.จะส่งแต่ละเรื่องให้แต่ละหน่วยงานที่มีหน้าที่สนับสนุนกกต.ในการตรวจสอบ อย่างกรณีที่เป็นข่าวนั้น เป็นเรื่องการถือหลักทรัพย์ตามมาตรา 42 (3) จึงส่งเรื่องให้กับทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นผู้ตรวจสอบ และทำบัญชีส่งกลับมายังกกต. โดยในการตรวจสอบนั้นจะตรวจสอบหลักทรัพย์ทุกประเภทที่ผู้สมัครคนนั้นๆ ถืออยู่ ไม่ใช่เฉพาะหลักทรัพย์ด้านสื่อสารมวลชนเท่านั้น  ทั้งนี้เมื่อกกต.ได้รับข้อมูลกลับมาก็ต้องมาพิจารณาว่า หลักทรัพย์แบบไหนที่เข้าลักษณะต้องห้ามของผู้สมัคร นั่นคือการห้ามเป็นเจ้าของ หรือถือหุ้นในองค์กรสื่อสารมวลชนใดๆ ถ้าถือหุ้นบริษัทอื่นๆ ก็ไม่ถือว่าเข้าข่ายลักษณะต้องห้าม

นายแสวง กล่าวว่า ดังนั้นใน 130 คนที่เห็นเป็นข่าวนั้น หากไม่เข้าลักษณะต้องห้าม ก็ไม่ต้องมาประกาศไม่เป็นผู้รับสมัคร ของกกต.เขต ซึ่งผู้อำนวยการฯก็ประกาศแล้วตรวจสอบแล้วว่า ต้องเป็นเจ้าของ หรือผู้ถือหุ้นของหนังสือพิมพ์ หรือสื่อมวลชน ถึงจะเป็นผู้มีลักษณะต้องห้าม ซึ่งใน 130 คน อาจจะมีการถือหุ้น แต่ไม่ได้เป็นหุ้นที่มีลักษณะต้องห้าม อาจจะเป็นหุ้นบริษัทอื่นๆ ดังนั้นจึงไม่ใช่ว่า 130 คนนี้จะถูกตัดสิทธิ์หมด กกต.ต้องมาตรวจสอบเอง

นายแสวง ยังกล่าวถึงการตรวจสอบจับตาโค้งสุดท้ายหาเสียงเลือกตั้งซึ่งมีความเข้มข้นมากในขณะนี้ ว่า พูดเป็นภาพรวมเราบริหารสถานการณ์ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยความร่วมมือของหน่วยงานราชการ ฝ่ายความมั่นคง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ฝ่ายปกครอง ภาคประชาชนที่เข้ามาร่วมกันสอดส่องดูแล แจ้งเหตุทุจริตเลือกตั้ง ซึ่ง กกต.ก็มีศูนย์ข่าวกรอง ทั้งนี้เมื่อประชาชนแจ้งข้อมูลก็จะเชิญมาให้ข้อมูลด้วย เช่น หากใครบอกว่ามีการซื้อเสียงกกต.ก็จะเชิญมา เพื่อรวมมือกันทำให้การทำให้การเลือกตั้งมีความสุจริต เมื่อพูดแล้วต้องมีข้อมูล ไม่พูดแล้วผ่าน กกต.จะไม่ยอมให้ผ่าน แต่จะเชิญมาให้ข้อมูลว่าที่พูดมานั้น มีข้อเท็จจริงอย่างไร เพื่อจะได้ดำเนินการตามข้อเท็จจริงที่เสาะได้มา ซึ่งจะทำไปจนถึงวันเลือกตั้ง

นายแสวง กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องเฟคนิวส์ และสื่อโซเชียลมีเดีย ก็จะดำเนินการอีกลักษณะหนึ่ง โดยร่วมกับแพลตฟอร์มใหญ่ๆ ทั้งกูเกิล ติ๊กต๊อก เฟสบุ๊ค และ ไลน์ โดยจะมีการประชาสัมพันธ์ การตรวจข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้ถือว่าน้อยกว่าการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการร้องเรียนการเลือกตั้งไม่สุจริต ไม่เที่ยงธรรม

เมื่อถามถึงกรณีชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาเปิดเผยว่าอาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน (อสม.) เดินเก็บบัตรประชาชน ดังนั้นจะเชิญนายชูวิทย์ มาให้ข้อมูลด้วยหรือไม่ นายแสวง กล่าวว่า เรื่องนี้ได้มีการสอบถามไปยังผู้รับผิดชอบแล้ว เห็นว่ายังไม่ถึงกับต้องเชิญนายชูวิทย์มาให้ข้อมูล เพราะเป็นการสร้างคอนเทนท์ ขณะนี้อยู่ระกว่างการติดตามผู้ที่เอาคลิปมาลงในติ๊กต๊อกเพื่อมาให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ แต่ยังติดตามไม่ได้และก็ออกจากพื้นที่ไปแล้ว

• “แสวง” เตรียมชงนโยบายใช้เงินหลวงให้ที่ประชุม กกต.พิจารณาพรุ่งนี้

นายแสวง กล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณานโยบายหาเสียงของพรรคการเมืองต้องใช้จ่ายเงินงบประมาณแผ่นดิน หลัง 70 พรรคการเมืองได้ส่งคำชี้แจงกลับมายัง กกต.ว่าจะนำเข้าสู่ที่ประชุม กกต.ในวันพรุ่งนี้(25 เม.ย.)ให้พิจารณา ซึ่งจะพิจารณาตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ตามมาตรา 57 และพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง มาตรา 73 โดยต้องรอการพิจารณาของ กกต.ในวันพรุ่งนี้ ซึ่งการพิจารณาในเบื้องต้นยังจะไม่มีการเชิญหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญเข้ามาร่วมพิจารณาด้วย

ส่วนกรณีที่ ครม.จะขออนุญาต กกต.เพื่อขอให้งบประมาณไปช่วยอุดหนุนค่าไฟฟ้าแพงเพื่อช่วยเหลือประชาชนนั้น นายแสวง กล่าวว่า ตามรัฐธรรมนูญได้กำหนดการทำหน้าที่ของคณะรัฐมนตรีในช่วงที่อายุสภาสิ้นสุดลงให้ดำเนินการอะไรได้บ้าง ทาง กกต.ได้ออกระเบียบว่าด้วยการใช้ทรัพยากรของรัฐไว้   ขณะนี้ยังไม่มีหนังสือจากคณะรัฐมนตรีเสนอมา แต่หากเสนอเรื่องมา กกต.จะต้องพิจารณา ส่วนจะได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับว่าเข้าเกณฑ์ที่ กกต.จะพิจารณาหรือไม่ โดยเรื่องที่จะเข้าเกณฑ์พิจารณานั้น ต้องดูเหตุผลความจำเป็นหรือไม่ ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตการณ์เหตุใดรัฐบาลต้องขอใช้งบในช่วงการหาเสียงจะเป็นการใช้งบเอื้อให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบทางการเมืองนั้น กกต.ไม่ไปตอบแทนเรื่องแบบนี้ไม่ได้

• ประธาน กกต.ยันแก้ข้อผิดพลาดที่ลอนดอนทันทีที่ทราบเรื่อง 

วันเดียวกัน นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. ให้สัมภาษณ์กรณีประกาศที่ออกโดยเอกอัครราชทูต ณ กรุงลอนดอน พิมพ์รูปผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต11 สลับกัน จะกระทบกับวันเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรที่จะเริ่มวันแรก  25 เม.ย.นี้ หรือไม่ ว่า เรื่องดังกล่าว ไม่น่าจะกระทบกับวันเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร ที่จะเริ่มวันเเรกพรุ่งนี้ เพราะทางเราดำเนินการแก้ไขข้อผิดพลาดแล้ว  เราทราบว่า เกิดข้อผิดพลาดเรื่องสลับรูปผู้สมัครส.ส.กทม.เขต 11 เราก็ได้ แก้ไขทันทีไปตั้งแต่ เมื่อวันที่ 18 เม.ย. ที่ผ่านมา เราแจ้งสถานทูตโดยเฉพาะสถานทูตที่พบเรื่องนี้ก่อน ก็คือที่ลอนดอนประเทศอังกฤษ ว่า มันมีความผิดพลาดตรงนี้ ดังนั้น ขอให้ส่งของใหม่ ที่ถูกต้องให้กับผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่ลงทะเบียนทุกคนที่ลอนดอน ให้ทราบโดยเร็ว นอกจากนี้ตนยังได้ให้สำนักงานกกต. สอบถามไปยังกระทรวงต่างประเทศ ว่า ยังมีกรณีคล้ายๆแบบที่ลอนดอนอีกหรือไม่ ซึ่งท่านเลขากกต.คงได้ข้อมูลจากกระทรวงต่างประเทศแล้ว จึงได้มีการแถลงข่าว ตนยืนยันว่า เราแก้ไขข้อผิดพลาดทันที จากนั้นก็เป็นกระบวนการในการส่งของใหม่ที่แก้ไขไป และติดตามอยู่ตลอดว่า ปลายทางได้รับของใหม่หรือยัง เราดำเนินการทำทุกขั้นตอนให้ครบถ้วนมากที่สุด พยายามตรวจสอบข้อเท็จจริงต่างๆ ยืนยันเรื่องความโปร่งใสตรวจสอบได้