"พีระพันธุ์" ชู ปลดหนี้ด้วยงาน ชี้ 2 กลุ่มเบี้ยวหนี้ กยศ. ไม่ควรดำเนินคดี

"พีระพันธุ์" ชู ปลดหนี้ด้วยงาน ชี้ 2 กลุ่มเบี้ยวหนี้ กยศ. ไม่ควรดำเนินคดี

"พีระพันธุ์" เผย นโยบาย รวมไทยสร้างชาติ ชู "ปลดหนี้ด้วยงาน" แก้หนี้ภาครัฐ ชี้ คนเบี้ยวหนี้ กยศ. 2 กลุ่ม ไม่ควรดำเนินคดี

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงนโยบายปลดหนี้ด้วยงานว่า เป็นนโยบายที่พรรคจะนำมาใช้แก้ปัญหาหนี้ภาครัฐ เช่น หนี้จากกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา ที่มีข้อถกเถียงกันมากก่อนหน้านี้ว่า จะยกเลิกหรือจะฟ้องร้องบังคับคดีกับผู้ที่ไม่ยอมใช้หนี้กองทุนฯหลังจากที่กู้ยืมไปแล้ว โดยเห็นว่านโยบายการให้กู้ยืมเงินเพื่อการศึกษาดังกล่าว มีจุดประสงค์สำคัญคือ การเปิดโอกาสให้เด็กๆ ที่ขาดโอกาสได้เติบโตขึ้นมาเป็นคนที่มีความรู้จากการศึกษา โดยเด็กจำนวนมากไม่มีเงินทุนพอที่จะเรียน จึงเกิดโครงการกู้ยืมเงินเพื่อการศึกษาขึ้นมา แต่เมื่อเข้าไปเรียนแล้วได้ความรู้มาแล้ว หลายคนไม่ยอมกลับมาใช้หนี้กองทุนที่กู้ยืมไปจนกลายเป็นปัญหาส่งไปถึงรุ่นน้องๆ ต่อไป

นายพีระพันธุ์ กล่าวต่อว่า หากพิจารณาจากผู้ที่ไม่กลับมาใช้หนี้ กยศ.นี้จะเห็นได้ว่า สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่มด้วยกันคือ กลุ่มแรกเป็นกลุ่มที่ตั้งใจจะไม่ใช้หนี้คืนเลยกลุ่มคนประเภทนี้จำเป็นต้องจัดการเด็ดขาด ด้วยการฟ้องร้องบังคับคดีเพราะเป็นคนที่ตั้งใจไม่ใช้หนี้ ทำให้รุ่นน้องเสียโอกาส 

กลุ่มที่สอง เป็นกลุ่มที่ไม่ได้ตั้งใจโกง แต่ประสบปัญหายังหางานทำไม่ได้ หรือได้งานแต่ว่าเงินเดือนไม่เพียงพอ เขาไม่อยากโกงแต่ไม่มีเงินใช้ 

และกลุ่มที่สามคือ มีงานมีเงินแต่ภาระครอบครัวมีมาก ฉะนั้น แม้มีเงินเดือนมีรายได้แต่ไม่พอไม่พอชำระหนี้  

ทั้งนี้ คนสองกลุ่มหลังคือ กลุ่มที่ไม่ควรจะดำเนินคดีอะไรกับอย่างเด็ดขาดเพราะไม่ได้ตั้งใจโกงแต่เพราะไม่มี แต่กลุ่มนี้เป็นกลุ่มคนที่มีความรู้ เมื่อเรียนมาแล้วในขณะที่รัฐเองก็ต้องการคนมีความรู้ไปช่วยเหลือสังคม ดังนั้น จึงเกิดแนวทางว่า ปลดหนี้ด้วยงาน และ กองทุน กยศ.เป็นตัวอย่าง ไม่จำเป็นที่จะฟ้องร้องบังคับคดีกัน แต่เป็นการเปิดโอกาสให้เข้ามาช่วยงานให้กับรัฐเพื่อเป็นการปลดหนี้แทนเชื่อว่าจะได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย

“การฟ้องร้องกันได้กระดาษหนึ่งแผ่น เป็นคำพิพากษาว่าชนะคดี แล้วได้อะไร เมื่อเราส่งเขาไปมีความรู้ ทำไมเราไม่ให้โอกาสเขาเอาความรู้ ไปช่วยเหลือสังคมให้กับรัฐ ฉะนั้น กลุ่นเหล่านี้ที่เขาไม่ได้ตั้งใจโกง แต่มีภาระทางครอบครัวไม่มีงานทำ ก็สามารถปลดหนี้ของเขาด้วยการใช้แรงงานใช้ความรู้ทำงานให้กับรัฐแทน ถ้าทำอย่างนี้ได้ ผมเชื่อว่าจะได้ประโยชน์ สองฝ่าย ตรงนี้ก็คือเรื่องของการ ปลดหนี้ด้วยงาน แล้วหลักเกณฑ์อันเดียวกันนี้เราสามารถขยายไปเรื่องอื่นเช่น กองทุนหมู่บ้าน และอะไรอีกหลายอย่าง” หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าว