"ภูมิธรรม" เมินโพลทั่วไปชี้คะแนน "พท." ลด- โอ่กระแสหัวเมืองยังดี40-50%

"ภูมิธรรม" เมินโพลทั่วไปชี้คะแนน "พท." ลด- โอ่กระแสหัวเมืองยังดี40-50%

"ภูมิธรรม" มอนิเตอร์โพลคะแนนนิยม พบ ฝั่งประชาธิปไตยคะแนนพุ่ง - ฝั่งรัฐบาลเดิมคะแนนลดลง มั่นใจ "พท." ยังคะแนนหัวเมืองยังดี 40- 50%

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงต่อกรณีที่ผลสำรวจความคิดเห็นในความนิยมของพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งลดลง ว่า ตนไม่กังวลใดๆ พรรคเพื่อไทยมีความมั่นใจ และจากการมอนิเตอร์ของพรรค พบว่าความนิยมของพรรคเพื่อไทยในะดับชุมชนอยู่ที่ 40-50%  ทั้งนี้พบการพัฒนาคะแนนอยู่ในหัวเมืองใหญ่ และในพื้นที่กรุงเทพฯ ส่วนพรรคอื่นที่ได้รับคะแนนนิยมเพิ่มขึ้น ตนดีใจที่เป็นพรรคฝ่ายประชาธิปไตยเหมือนกัน ส่วนคะแนนของพรรครัฐบาลเดิมถดถอยลงแสดงว่าความนิยมของประชาชนต่อรัฐบาลนั้นหมดลงแล้ว

 

“พรรคเพื่อไทยมีความมั่นใจ และการลงคะแนนของประชาชนในวันเลือกตั้ง จะเป็นคำตอบที่ชัดเจนที่สุดของผลโพลทั้งหลาย ผมเชื่อว่าในวันสุดท้ายวันลงบัตรจะตอบคำถามของผลโพลทั้งหลาย พรรคเพื่อไทยจะเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงไปสู่ประชาชน โดยพรรคเพื่อไทยมีความพร้อมที่จะนำประชาชนออกจากความทุกข์ที่เกิดจากระบอบประยุทธ์ ขณะนี้ ไม่เห็นพรรคการเมืองใดที่จะชนะและเป็นอันดับ 1 ที่จะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลได้ การเลือกตั้งครั้งนี้ต้องการชัยชนะเด็ดขาดจึงจะเปลี่ยนแปลงระบบประยุทธ์ออกไปได้” นายภูมิธรรม กล่าว

นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า สำหรับแคนดิเดตพรรคเพื่อไทยทั้ง 3 คน  คือ  น.ส.แพทองธาร มีกลุ่มคนชนบท และประชาชนรุ่นใหม่ที่ต้องการเทคโนโลยีสนับสนุน นายเศรษฐา รู้เรื่องเศรษฐกิจ นายชัยเกษม ได้รับการยอมรับในกลุ่มราชการและวงการยุติธรรม สะท้อนความต้องการในหลากหลายกลุ่ม แก้ปัญหาได้หลากหลายด้าน สอดรับกับปัญหาในปัจจุบันที่มีอย่างหลากหลาย และทั้ง 3 แคตดิเดตพร้อมเป็นนายกรัฐมนตรี พร้อมทำงานร่วมกันอย่างเป็นเอกภาพ ส่วนสุดท้ายแล้วใครจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีขึ้นกับสถานการณ์ขณะนั้น ส่วนสุขภาพของนายชัยเกษม  ขณะนี้สุขภาพดีแล้ว ส่วนเลือดคั่งในสมองนั้นเป็นเลือดเก่า ไม่ได้ไปทับเส้นประสาทสำคัญใดๆ ตอนนี้กลับมาพักผ่อนที่บ้านแล้ว เราให้ท่านพักผ่อนเต็มที่ ไม่อยากให้ท่านใช้ร่างกายเกินความจำเป็น แต่เชื่อว่าวันที่ 12 พฤษภาคม ที่เป็นการปราศรัยใหญ่ปิดท้าย จะได้เห็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยทั้ง 3 คนขึ้นเวทีพร้อมกันอีกครั้ง

นายภูมิธรรมยังได้ตอบคำถาม กรณีนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล ว่า พรรคเพื่อไทยต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยการใช้กระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาทสำหรับคนไทยอายุ 16 ปีขึ้นไปให้จับจ่ายในพื้นที่ตามที่อยู่บัตรประชาชนรัศมี 4 กิโลเมตร ภายใน 6 เดือน เป็นนโยบายที่ทุ่มครั้งเดียวแล้วให้เศรษฐกิจบูมขึ้นทั่วประเทศ ไม่กระจุกอยู่ที่คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง จะทำให้จีดีพีโตตามเป้าหมายที่ 5% สร้างงานและรายได้ให้พี่น้องประชาชนอีกมหาศาล รวมถึงให้พี่น้องประชาชนได้เรียนรู้การใช้งานบล็อกเชนที่จะเป็นเครื่องมือทางเศรษฐกิจสำคัญในอนาคต พรรคเพื่อไทยยืนยันว่า ส่วนผู้ที่เคยได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ บัตรคนจน จะยังคงได้รับต่อไป.