“รทสช.” ปลุกชีพ ฝ่ายขวา ยุทธศาสตร์ ฟาด“ชังชาติ”

“รทสช.” ปลุกชีพ ฝ่ายขวา ยุทธศาสตร์ ฟาด“ชังชาติ”

ปัจจัยสำคัญที่สุดของรวมไทยสร้างชาติ ที่เป็นกุญแจพาไปสู่เป้าหมาย คงหนีไม่พ้นการนำเสนอตัวบุคคลคือ ป.ประยุทธ์ และจุดยืนความเป็นฝ่ายขวาแบบจัดจ้าน ชนิดยากจะตัวจับนี่เอง

การเลือกตั้งปี 2566 ถือเป็นความท้าทายครั้งสำคัญสำหรับพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่นอกจากจะต้องพิสูจน์ตัวเองให้เป็นที่ยอมรับในวงกว้าง เพื่อต่อยอดสู่การเป็นสถาบันการเมืองตามที่แกนนำของพรรคประกาศแล้ว

ยังมีเดิมพันสำคัญของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เบอร์ 1 ของพรรค ที่ตั้งเป้าหมายเป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัย เพื่อต่อทำในสิ่งที่ได้ทำมาแล้ว

ผลการเลือกตั้งเท่านั้น จะเป็นตัวบ่งบอกว่าเป้าหมายของพรรคและ ป.ประยุทธ์ จะเป็นจริงได้หรือไม่

เนื่องจาก พลังประชารัฐ โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ก็พูดชัดเจนว่า ระหว่างรวมไทยสร้างชาติ กับ พลังประชารัฐ พรรคไหนได้ ส.ส.มากกว่า คนนั้นเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลหรือเอาที่เข้าใจง่ายๆ คือ ใครมากกว่า คนนั้นเป็นนายกฯ 

เมื่อยิ่งเข้าใกล้วันหย่อนบัตร กลยุทธ์สำหรับรวมไทยสร้างชาติ ที่เห็นชัดขึ้นเรื่อยๆ นอกเหนือจากกระแสของ ป.ประยุทธ์ ก็คือ การฉายภาพความเป็นพรรคอนุรักษ์นิยมสุดขั้ว หรือฝ่ายขวาสุดขีด

ล่าสุด เดอะตุ๋ย พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ และแคนดิเดตนายกฯเบอร์ 2 ของพรรค ประกาศเจตนารมย์บนเวทีปราศรัย ที่สวนเบญจกิตติ เมื่อ 7 เม.ย.ที่ผ่านมาชัดเจนว่า

“ถ้ารวมไทยสร้างชาติเป็นแกนนำรัฐบาล เราจะจัดการกับพวกชังชาติ พวกล้มสถาบันโดยเด็ดขาด”

ตรงนี้ก็พอจะเห็นได้ว่ายี่ห้อของรวมไทยฯ และ ป.ประยุทธ์ เป็นอย่างไร ความสามารถในการยึดหัวหาดความเป็นเบอร์1 ฝ่ายขวา ชนิดที่ใครก็แย่งตำแหน่งนี้ไปได้ยาก ผ่านการตอกย้ำจุดยืนที่เข้มแข็งของพรรค ผ่านพีระพันธุ์ แบบกำปั้นทุบดิน ก็ไม่มีอะไรต้องตีความให้ซับซ้อน ก็เพื่อปลุกผู้สนับสนุนฝ่ายขวาให้ตื่นตัว เรียกคะแนนเสียงให้ไหลมาเทมายังพรรคพรรคนี้ ทนิยามตัวเองว่าเป็นความหวังของฝ่ายขวานั่นเอง

ไม่เพียงแต่จุดยืนของพรรค กลยุทธ์การทำพื้นที่ของรวมไทยฯ ที่นอกจากจะโฟกัสภาคใต้ เป็นหลัก รองลงมาดูจะเป็นพื้นที่ กทม. ที่ตั้งเป้าหมายจะกวาดเก้าอี้ ส.ส.ให้ได้แบบมีนัยสำคัญ

พื้นที่ภาคตะวันออก เช่น ชลบุรี ฉะเชิงเทรา ภายใต้การนำของ สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ก็เป็นอีกเป้าหมายที่หวังสร้างผลงานให้เข้าตาแฟนๆ เช่นเดียวกับบางเขตใน จ.นครสวรรค์ พิจิตรพิษณุโลก แม่ฮ่องสอน ภายใต้การนำของ เสธ.หิ หิมาลัย ผิวพรรณ และ จุติ ไกรฤกษ์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่เดินทัพเต็มสูบ หวังพาประยุทธ์ ขี่หลังเสือต่อไป

อย่างไรก็ตาม พื้นที่อีสานของรวมไทยฯ อาจต้องลุ้นผลงานกันเหนื่อยกว่าหลายพื้นที่ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับในภาคใต้ ตรงนี้ก็เป็นโจทย์ใหญ่ของรวมไทยฯ ที่ต้องเร่งเครื่อง สร้างแรงส่งไปสู่ความสำเร็จ

ภายใต้สโลแกน ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ รวมถึงการท็อปอัพบัตรสวัสดิการแห่งรัฐพลัส เดือนละ1,000 บาท จะตอบโจทย์โดนใจคนอีสานมากน้อยแค่ไหน

แต่ถึงอย่างไร ปัจจัยสำคัญที่สุดของรวมไทยฯ ที่เป็นกุญแจพาไปสู่เป้าหมาย คงหนีไม่พ้นการนำเสนอตัวบุคคลคือ ป.ประยุทธ์ และจุดยืนความเป็นฝ่ายขวาแบบจัดจ้าน ชนิดยากจะตัวจับนี่เอง

กลยุทธ์การต่อสู้ ในวันที่การเมืองยังแบ่งขั้วเช่นนี้ จะมีประสิทธิภาพ นำพารวมไทยสร้างชาติไปถึงฝั่งฝัน กวาดส.ส. เป็นกอบเป็นกำได้ขนาดไหน ถึงเวลาคงได้คำตอบ