‘รทสช.’ปลุกพลังเงียบสู้กระแส- ‘เอกนัฏ’มั่นใจคว้า ส.ส. กทม.

‘รทสช.’ปลุกพลังเงียบสู้กระแส- ‘เอกนัฏ’มั่นใจคว้า ส.ส. กทม.

‘รทสช.’ปลุกพลังเงียบสู้กระแส- ‘เอกนัฏ’มั่นใจคว้า ส.ส. กทม. ชี้สนามกทม.โพลไม่แม่น มั่นใจพลิกสถานการณ์ได้ ‘รุ่นใหม่’ชี้พรรคมีเสน่ห์เชื่อมต่อคนทุกรุ่นได้ดี

เครือเนชั่น เปิดเวทีต้อนรับพรรคการเมือง เพื่อนำเสนอแนวคิดและนโยบายของพรรค โดยนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) นำผู้สมัคร ส.ส. กทม. 33 เขต มานำเสนอทิศทางของพรรคในการสู้ศึกเลือกตั้ง เอกนัฏ กล่าวว่า ขณะนี้รทสช.มีความพร้อม 101% สำหรับสนามเลือกตั้งกทม. โดยจากการลงพื้นที่ ได้รับ กระแสตอบรับดีมาก ตนอยู่ในวงการการเมืองกทม.มา 10 กว่าปี ครั้งนี้มั่นใจมาก เพราะกระแส พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และกระแสพรรค รทสช. ดีขึ้น มั่นใจว่าการเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ค. จะปักหลักนำชัยชนะมาสู่พรรคได้แน่  

ส่วนโพลต่างๆที่สำรวจพบว่า พล.อ.ประยุทธ์ และพรรค รทสช. มักอยู่อันดับที่ 3 นั้น ตนมองว่าผลโพล กทม. ไม่เคยแม่น เพราะเป็นการสำรวจโดยเฉพาะในกทม. อดีตเมื่อปี 2554 สำรวจประชาธิปัตย์แพ้เพื่อไทย แต่พอถึงเวลาเลือกตั้งกลับชนะ ส่วนปี 2562 สำรวจบอกว่า พรรคพลังประชารัฐจะมีสส.ไม่ถึง 3 คน อย่างมากสุด 2 คน ปรากฏว่า ได้สส. 13 คน สำหรับปีนี้ 2566 วันนี้ตัวเลขของพล.อ.ประยุทธ์ และ รทสช. ห่างจาก เพื่อไทยและก้าวไกลเพียง 5-6% เท่านั้น จึงเชื่อว่า วันเลือกตั้ง พลังเงียบจะออกมาพลิกเกมได้ 

‘รทสช.’ปลุกพลังเงียบสู้กระแส- ‘เอกนัฏ’มั่นใจคว้า ส.ส. กทม.

น.ส.รัดเกล้า สุวรรณคีรี หรือเนเน่ ผู้สมัครเขตบางพลัดและเขตบางกอกน้อย ลูกสาวของ ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี พูดถึงนโยบายเด็ดของพรรคที่ประชาชนชื่นชอบอย่างมาก คือมี เงิน 1,000 บาท 2 ก้อน คือ  1,000 บาท บัตรสวัสดิการพลัส หรือ บัตรลุงตู่ 1,000 , เพิ่มเบี้ยคนชรา 1,000 บาท และ 1 10,000 บาท ผู้ถือบัตรยังมีสิทธิกู้ฉุกเฉินในวงเงิน 10,000 บาทต่อคน โดยสามารถนำบัตรนี้ไปเป็นหลักประกันเงิน ซึ่งเป็นนโยบายที่ทำให้ประชาชนไม่เป็นหนี้นอกระบบ 

“ยืนยันหากได้เป็นสส.ทำหน้าที่ในสภาอย่างดีที่สุด เพราะผู้สมัครของเรา ไม่ใช่ลงพื้นที่เพียงให้ประชาชนรู้จักเรา แต่เราลงพื้นที่เพื่อที่เราจะรู้จักทุกคนด้วย ดังนั้น เราเข้าใจปัญหา และความเดือดร้อนประชาชนเปลี่ยนแปลงทุกวัน เราจะอัพเดตทุกวันเช่นกัน”

‘รทสช.’ปลุกพลังเงียบสู้กระแส- ‘เอกนัฏ’มั่นใจคว้า ส.ส. กทม.

‘รุ่นใหม่’ชี้พรรคมีเสน่ห์เชื่อมต่อคนทุกรุ่นได้ดี 

ด้านพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ หรือ ลอรี่ ผู้สมัครเขตสวนหลวงและเขตประเวศ กล่าวว่า ตนเข้ามาอาสาเป็นผู้สมัครที่รวมไทยสร้างชาติเพื่อหนึ่งในทางเลือกของบุคคลธรรมดาที่จะลุกขึ้นมาทำงานการเมือง แต่ไม่ประกาศว่าจะเป็นนักการเมือง แต่จะมาเป็นนักพัฒนาบ้านเมืองของเราโดยเฉพาะ สวนหลวง-ประเวศ พื้นที่ที่ต้องรับผิดชอบ พรรครวมไทยสร้างชาติมีเสน่ห์เชื่อมต่อคนทุกรุ่นได้ดี สำหรับผู้สมัครทั้งหมด เค้าเข้ามาทำงานเพื่อประชาชนและไม่ได้มาแบบเล่นๆ ทำอย่างไรจะเป็นตัวแทนที่ดีที่สุด 

นายพงศ์พล กล่าวว่า สาเหตุทำไมประชาชนต้องเลือก พรรครทสช.เพราะเป็นตัวเลือกที่ดีและแข็งแรงที่สุด ไม่สุดโต่งอย่างที่ใครว่า ไม่ได้เป็นอย่างที่โซเชียลยัดเยียดให้เราเป็น เราทำหน้าที่ของเรา เราจะอาสาทำให้ดีที่สุด สำหรับนโยบายยังมีทีเด็ด เช่น ประกันสังคมฟรีแลนซ์ เหมาะคนกรุง เพราะคนส่วนใหญ่มีอาชีพรับจ้างอิสระหรือบางคนตกงาน รับจ้างวันต่อวัน บัตรนี้สามารถคุ้มครองประกันสุขภาพได้โดยรัฐออกให้ครึ่งหนึ่ง 300-400 บาท ช่วยให้เขาสามารถมีอิสระในชีวิตมากขึ้น 

รวมถึงนโยบายทหารอาสา เพิ่มสวัสดิการทหาร ซึ่งเราไม่ได้จะยกเลิกการเกณฑ์ทหาร 100% แต่เพิ่มสวัสดิการมากขึ้น เรียนปริญญาตรีในค่ายทหาร ซึ่งจะทำให้คนกลับมาเกณฑ์ทหารมากขึ้น ดังนั้นจะเหลือทหารที่เกณฑ์ 30% ยกเลิก 70% ถือว่าไปด้วยกันได้ 

‘รทสช.’ปลุกพลังเงียบสู้กระแส- ‘เอกนัฏ’มั่นใจคว้า ส.ส. กทม.

“ภรณี”ชี้เป๋าตังยังต่อยอดได้อีก

น.ส.ภรณี วัฒนโชติ ผู้สมัครส.ส. กทม. เขต 5 เสนอมุมมองการต่อยอด APP เป๋าตัง ได้อีก เพื่อเอื้อประโยชน์ต่อผู้ที่ทำมาหากินมากกว่าเดิม โดยเธอยืนยันว่า หากรวมไทยสร้างชาติเป็นรัฐบาลเธอจะหนุนหลังผลักดันนโยบายนี้ ซึ่งจริงๆแล้ว เป๋าตังค์ คือ APP ที่เฉพาะเจาะจงรายคนอยู่แล้ว ต่อไปจะให้โควตาอุดหนุนอะไร มันลงมาเฉพาะคนคนนั้นได้เลย อาทิ เวลาจะซื้อแก๊ส คนก็เอา app เป๋าตังค์สแกนจ่ายร้านแก๊ส จบ หักโควตากัน สมมติลดราคาถังละ 15 บาทต่อเดือน ก็สามารถหักเงินจากยอดในแอปได้เลย ดังนั้น เรื่องนี้ เรื่อง App เป๋าตังค์ยังสามารถต่อยอด ไปเป็นประโยชน์ต่อคนทำมาหากินได้เลย" 

ด้านพัชรนันท์ โกศลสมบัตินนท์ (แก้ม) ผู้สมัครส.ส. กทม. เขต 9  เขตบางเขน (ยกเว้นแขวงท่าแร้ง) เขตจัตุจักร (เฉพาะแขวงจันทรเกษมและแขวงเสนานิคม) เขตหลักสี่ (เฉพาะแขวงตลาดบางเขน) ให้มุมมองเรื่องประเด็นสิ่งแวดล้อม โดยชี้ว่า รวมไทยสร้างชาติจะศึกษาเรื่องสิ่งแวดล้อมอย่างลึกซึ้งขึ้น และสิ่งสำคัญที่สุดคือต้องให้ คนตระหนักรู้ เรื่องงวงจรของขยะจริงๆ 

"อีโคซิสเทมของวงจรขยะ ยังมีคนต้องการขยะไปขาย เพราะมันคือส่วนหนึ่งของรายได้ของคนในชุมชน ดังนั้น การจะไปตัดคนในวงจรนี้ออก มันคงเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้ เพราะฉะนั้น มันจะต้องมีวิธีการจัดการ มานั่งคุยกัน ในแต่ละพื้นที่ ให้ความรู้ ให้ความตระหนักรู้ คนเรายังนิสัยเหมือนเดิม ถึงเอาถังขยะมาเยอะ แต่ก็ยังแก้สิ่งแวดล้อมไม่ได้ ขยะเป็นปัญหาไม่ใช่แค่กลิ่นอย่างเดียว บางคนเอาไปทิ้งในน้ำ ยิ่งทำให้แย่ไปอีก ดังนั้น คนต้องตระหนักเรื่องสิ่งแวดล้อมมากกว่าเดิม ตั้งแต่การใช้เลย มันไม่จำเป็นต้องใช้แค่ครั้งเดียว" 

‘รทสช.’ปลุกพลังเงียบสู้กระแส- ‘เอกนัฏ’มั่นใจคว้า ส.ส. กทม.