แก้ปัญหาเศรษฐกิจ สเปกสำคัญนายกฯคนใหม่

แก้ปัญหาเศรษฐกิจ สเปกสำคัญนายกฯคนใหม่

ในขณะที่สถานการณ์ประเทศไม่อยู่ในภาวะขัดแย้งทางการเมืองรุนแรงเหมือนอดีต โจทย์ของประเทศเปลี่ยนแปลงไป ดังนั้นสเปกของนายกรัฐมนตรีต้องเปลี่ยนไปด้วย โดยประเทศต้องการนายกรัฐมนตรีเพื่อการพัฒนาและเข้ามาแก้ปัญหาเศรษฐกิจ

การเลือกตั้งทั่วไปกำลังจะเกิดขึ้นในอาทิตย์วันที่ 14 พ.ค.2566 ถัดจากนั้นอีกประมาณ 2 เดือน จะได้รัฐบาลใหม่มาบริหารประเทศต่อจากรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่รับหน้าที่นายกรัฐมนตรีมา 2 สมัย โดยถ้านับจากปี 2557 ถึงการได้รัฐบาลใหม่รวมแล้วได้สิทธิบริหารประเทศไปถึง 9 ปี หลังจากนี้หลายฝ่ายจึงคาดหวังว่าการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นจะสร้างการเปลี่ยนแปลงที่เปลี่ยนประเทศได้หลังจากที่ประเทศต้องเผชิญกับมรสุมมากมายในช่วง 4 ปี ที่ผ่านมา

ปัญหาเศรษฐกิจถูกยกให้เป็นปัญหาลำดับต้นของการสำรวจความคิดเห็นหลายครั้งไม่ว่าจะเป็นการสอบถามประชาชนหรือการสอบถามนักธุรกิจ เพราะเป็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับรายได้ของทุกคน โดยในช่วง 3 ปี ที่ผ่านมา ทั่วโลกเจอปัญหาเดียวกัน คือ เศรษฐกิจตกต่ำที่เป็นผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศของไทยติดลบถึง 12.2% ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2563 นับเป็นการถดถอยของเศรษฐกิจที่รุนแรงที่สุดในรอบ 20 ปี

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นจึงไม่แปลกใจที่การเลือกตั้งครั้งนี้มีการเปิดตัวทีมเศรษฐกิจอย่างชัดเจนในหลายพรรค เพื่อให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นในการเลือกพรรคการเมือง โดยการนำเสนอตัวบุคคลที่มีประสบการณ์ด้านเศรษฐกิจและธุรกิจ หรือมีประสบการณ์งานการเมืองในด้านเศรษฐกิจ และทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้มีการแข่งขันด้านนโยบายที่เข้มข้น ไม่ว่าจะเป็นนโยบายที่เกี่ยวข้องกับรายได้ประชาชนและเกษตรกร นโยบายในการดูแลสวัสดิการประชาชน 

แม้แต่ชื่อผู้ที่จะเสนอตัวมาเป็นนายกรัฐมนตรีก็มีความต้องการได้นายกรัฐมนตรีที่จะแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ จึงไม่แปลกใจที่การสำรวจความเห็นนักธุรกิจจะต้องการรายชื่อบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญทางธุรกิจ เพราะคาดหวังว่าจะนำประสบการณ์ที่เข้าใจเศรษฐกิจและธุรกิจมาบริหารประเทศได้ ดังนั้น พรรคการเมืองจะต้องจัดทำนโยบายเศรษฐกิจให้เข้าใจง่าย และต้องอธิบายวิธีการผลักดันนโยบาย รวมถึงการอธิบายที่มาของงบประมาณในการผลักดันนโยบายต่างๆ 

ไม่เพียงแต่การกำหนดนโยบายเพื่อแก้ปัญหาต่างๆ สิ่งสำคัญของการเป็นรัฐบาล คือ การหารายได้เพราะที่ผ่านมารัฐบาลจัดทำงบประมาณแบบขาดดุลต่อเนื่อง และรัฐบาลมักขาดความกล้าจัดเก็บภาษีประเภทใหม่ ในขณะที่สถานการณ์ประเทศไม่อยู่ในภาวะขัดแย้งทางการเมืองรุนแรงเหมือนอดีต โจทย์ของประเทศเปลี่ยนแปลงไป ดังนั้นสเปกของนายกรัฐมนตรีต้องเปลี่ยนไปด้วย โดยประเทศต้องการนายกรัฐมนตรีเพื่อการพัฒนาและเข้ามาแก้ปัญหาเศรษฐกิจ