"วีระกร" ยก2เหตุผลซบภท. อวย120เสียงตั้งรัฐบาล ยันจาก"ประวิตร" ด้วยดี

"วีระกร" ยก2เหตุผลซบภท. อวย120เสียงตั้งรัฐบาล ยันจาก"ประวิตร" ด้วยดี

"วีระกร" ยก2เหตุผลย้ายซบภท. ยันเพื่อความคล่องตัว จาก"ประวิตร" ด้วยดี -นโยบายตอบโจทย์ อวยหลังเลือกตั้งภูมิใจไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

ที่พรรคภูมิใจไทย นายวีระกร คำประกอบ อดีตส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ภายหลังสมาชิกพรรคภูมิใจไทย ว่า คงไม่มีการชวนใครมาจากพรรคพลังประชารัฐ เพราะเป็นพรรคเก่าที่อยู่กับเขามาถึง 4 ปี เป็นพรรคที่ดี ไม่ใช่ว่าเราออกมาด้วยเหตุผลเป็นพรรคที่ไม่ดี หัวหน้าพรรคก็ใจดีแต่สิ่งที่ตนต้องขออนุญาตว่าทำไมต้องย้ายมาพรรคภูมิใจไทยขอให้เหตุผล 2 ข้อเรามีความคล่องตัวการทำงานการเมืองมากกว่าเราเจอกันในสภา เป็นนักการเมืองด้วยกันเจอกันอยู่ตลอดมีอะไรปรึกษาหารือกันได้ตลอด แต่ถ้าอยู่พรรคเดิมอาจจะต้องใช้เวลาที่จะพบกับหัวหน้าพรรค เมื่อนั้นมื้อนี้ถึงจะได้พบไม่ได้พบกันแบบง่ายๆ

ข้อที่ 2 ตนมั่นใจในนโยบายพรรคภูมิใจไทยโดยเฉพาะเรื่องที่ตนชอบใจมากและสนับสนุนมาตลอดก็คือเรื่องที่ไม่ยอมขายหรือต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวให้กับผู้ถือสัปทาน เพราะอีกไม่กี่ปีจะกลับมาเป็นของประชาชนแล้ว

เมื่อถามว่า ได้ลาพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคเก่าหรือไม่ นายวีระกร กล่าวว่า จริงๆตนคุยกับพล.อ.ประวิตรมา 2-3 เดือนแล้ว ตนพยายามอธิบายให้ท่านเข้าใจแล้วว่าตนมีปัญหาอะไรในเรื่องงาน อย่างที่เล่าว่าตนไม่ค่อยคล่องตัวในการที่จะทำงานอยู่ในพรรคพลังประชารัฐ หลายๆเรื่องจะทำอะไรต้องรอฟังหัวหน้าพรรคก่อน การรอบางทีมันนานเกินไปมันไม่คล่องตัว ต้องเข้าตามระเบียบเขาซึ่งไม่เหมือนนักการเมืองจะเจอกันทุกวันในการประชุมสภา เมื่

เมื่อถามว่า แต่ตอนหลังพล.อ.ประวิตร ได้แต่งตั้งเป็นรองผอ.พรรค นายวีระกร กล่าวว่า เมื่อตนพูดไปแล้วหัวหน้าพรรคคงเข้าใจแล้วว่าตนจะลาออกท่านจึงให้ตำแหน่งนี้มาตนก็เรียนกับท่านว่าอย่างนั้นตนจะเริ่มทำงานเลย เพราะตนเข้าใจว่าจะเข้าพบได้ง่ายแล้ว

เมื่อถามว่า แล้วฟ่างเส้นสุดท้ายคืออะไร นายวีระกร กล่าวว่า ฟ่างเส้นสุดท้ายคือท่านบอกว่า "จะทำอะไรให้มาขอผมก่อน"ตนเข้าใจการไปผู้ใหญ่ต้องรอ แต่นักการเมืองด้วยกันไม่ต้องรอ คล่องตัวกว่า แต่สิ่งที่คุยหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยให้ความเมตตา เข้าใจในเรื่องของเกษตรกรโดยเฉพาะเรื่องโรงงานปุ๋ย ตนมาคุยกับนายอนุทินเรื่องนี้เลยชวนตนมาช่วยพรรค 

นายวีระกร กล่าวว่า เมื่อนายอนุทินชวนมาตนก็มีความรู้สึกว่าพรรคภูมิใจไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแน่ ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป พรรคภูมิใจไทยถ้าดูจากจำนวนส.สที่จะเกิดขึ้นเรียกว่าไม่ต่ำกว่า 120 คน และในบรรดาพรรคร่วมรัฐบาลพรรคภูมิใจไทยจะมี ส.ส.ถามว่าพรรคพลังประชารัฐไม่ใช่ 100 กว่าคนอีกแล้วเหรอ ซึ่งก็ทราบกันดีว่าพรรคพลังประชารัฐแบ่งเป็น 2 พรรคคือเป็นพรรคพลังประชารัฐเดิมกลับพรรคพลังประชารัฐใหม่คือรวมไทยสร้างชาติ ส่วนพรรคพลังประชารัฐจะเหลือเท่าไหร่ตนคงตอบไม่ได้ เพราะยังไม่ถึงเวลาส.ส.ย้ายพรรค แต่ไปพอสมควร เพราะฉะนั้นยังไงพรรคภูมิใจไทยที่มีจำนวนส.สมากที่สุด

"เมื่อวุฒิสมาชิกมีอำนาจตามมาตรา 272 ที่จะยกมือเลือกนายกฯได้ในรัฐสภาแล้ว คือวันที่ 6 เม.ย.2567 คือพูดง่ายๆว่า หลังจากตั้งรัฐบาลใหม่แล้วไม่ถึงปี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม สมมุติได้รับเลือกจากรัฐสภาให้เป็นนายกฯต่อก็จะอยู่ได้โดยที่มีอำนาจวุฒิสมาชิกยกมือสนับสนุนอีกประมาณแค่ 10 เดือน เพราะฉะนั้นต่อจาก 10 เดือน ผมเชื่อว่าจะเป็นโอกาสของพรรคภูมิใจไทย" นายวีระกร กล่าว

เมื่อถามว่า หมายความว่านายอนุทินจะเป็นนายกฯต่อพล.อ.ประยุทธ์ใช่หรือไม่ นายวีระกร กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่มีส.ส.มากที่สุด คุณคิดเอาเองแล้วกัน แต่ตนมั่นใจว่านายอนุทินจะได้เป็นนายกฯแต่อาจจะ 1-2 ปีจากนี้ คือเป็นต่อพล.อ.ประยุทธ์เลย

ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าอย่างนี้ไม่มีใครพิทักษ์ลุงตู่ ลุงป้อม ในสภาเหมือนแต่ก่อน นายวีระกร กล่าวว่า เราอยู่กับพรรคไหนต้องช่วยพรรคนั้น สิ่งที่ตนพูดในสภาจะปกป้องท่านหรือไม่ก็ตามจนปกป้องด้วยเหตุผลไม่เคยไปต่อล้อต่อเถียงกับฝ่ายตรงข้าม แต่จะพูดด้วยเหตุผลลุงตู่เขาก็มีดีทำความดีไว้เยอะท่านคงจะเห็นตอนอภิปรายจะยกย่องว่ามีผลงานที่ดี