เปิดแคมเปญใหม่ "คิดใหญ่ ทำเป็น" รีแบรนด์ชินวัตร ก่อนลุ้นนายกฯ

เปิดแคมเปญใหม่ "คิดใหญ่ ทำเป็น"  รีแบรนด์ชินวัตร ก่อนลุ้นนายกฯ

นี่คือโจทย์ใหม่ โจทย์ยากของอุ๊งอิ๊ง และเหนืออื่นใด แคมเปญการตลาดการเมือง “คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน” จะปัง จะขายได้หรือไม่

“อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม ได้เวลาคิกออฟแคมเปญเลือกตั้ง 2566 ภายใต้แนวคิด ‘คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน Think Big, Act Smart, For All Thais’ ในการจัดประชุมใหญ่วิสามัญ ประจำปี 2565 ในวันที่ 6 ธ.ค.2565 หอประชุมชั้น 7 พรรคเพื่อไทย

แคมเปญการตลาดการเมือง “คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน” ก็คือการต่อยอดมาจากการเลือกตั้งปี 2544 และปี 2548 สมัยนั้น พรรคไทยรักไทย ขายแคมเปญ “คิดใหม่ ทำใหม่ เพื่อไทยทุกคน”

ก่อนหน้านั้น อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร เปิดนโยบายนโยบาย 1 ครอบครัว 1 ศักยภาพ ซอฟต์พาวเวอร์ หรือเรียนรู้มีรายได้ เรียนรู้ง่าย ตลอดชีวิต แต่ไม่ปัง ไม่โดน

บรรดาคลังสมอง ขุนพลนักการตลาดการเมือง จึงคิดคำใหม่ เพื่อให้ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เพื่อไทย นำไปติดป้ายหาเสียงทั่วประเทศ

ย้อนไปเมื่อการเลือกตั้งปี 2544 ทักษิณ ชินวัตร ประกาศนโยบายไทยรักไทย ด้วยถ้อยคำโดนใจ อาทิ นโยบายพักชำระหนี้เกษตรกรรายย่อย 30 บาทรักษาทุกโรค กองทุนหมู่บ้าน ฯลฯ

เวลานั้น พรรคไทยรักไทย ชูแคมเปญหาเสียงคือ คิดใหม่ ทำใหม่ เพื่อไทยทุกคน โดยมี ทรงศักดิ์ เปรมสุข และทีมเอเยนซี่โฆษณา SC Matchbox มาช่วยคิดคำ

ปัจจุบัน ทรงศักดิ์ เปรมสุข หัวขบวน SC Matchbox ก็นั่งอยู่ในกลุ่มงานรณรงค์และผลิตสื่อของพรรคเพื่อไทย ร่วมกับภูมิธรรม เวชยชัย จึงต้องมีคำโดนๆ มาขายในฤดูการหาเสียงปี 2566

ตามกำหนดเดิมพรรคเพื่อไทย “อุ๊งอิ๊ง“ จะควง ”เศรษฐา ทวีสิน" เปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย ในวันที่ 28 พ.ย.2565 แต่ก็มีการเลื่อนมาเป็น 6 ธ.ค.2565

พอถึงวันจริง เพื่อไทยก็เลื่อนออกไปไม่มีกำหนด ด้วยสถานการณ์การเมืองที่มีแนวโน้มไม่ยุบสภาฯ ในเร็ววัน พล.อ.ประยุทธ์ ยังออกลีลาลากเลื้อยไปเรื่อย ๆ จนถึงเดือน มี.ค.2565 คนแดนไกลจึงระงับเปิดตัวมหาเศรษฐีชื่อ “เศรษฐา”เอาไว้ก่อน

การเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเร็วเกินไป อาจตกเป็นเป้าฝ่ายตรงข้ามโจมตี และขุดคุ้ยเรื่องเก่าๆ ดังที่รู้กัน เศรษฐาก็มีบาดแผลลึก ที่อาจถูกขั้วไม่เอาทักษิณนำมาเล่นเกมใต้ดิน

คนดูไบคงประเมินแล้วว่า แฟนคลับชินวัตรต่างทราบดีอยู่แล้ว แคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทยหนีไม่พ้นชื่ออุ๊งอิ๊ง แพทองธาร และเศรษฐา สองชื่อนี้อย่างแน่นอน

“อุ๊งอิ๊ง” กำลังย่ำรอยความสำเร็จของพ่อทักษิณ ซึ่งพลิกแฟ้มการเลือกตั้งปี 2544 พรรคไทยรักไทย ขายแคมเปญคิดใหม่ ทำใหม่ ได้คะแนนรวมทั้งประเทศ 11 ล้านเสียง ส.ส.เขต 200 ที่นั่ง และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 48 ที่นั่ง รวม 248 ที่นั่ง

แม้จะไม่ถึงแลนด์สไลด์ แต่ก็สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในวงการเมืองไทย และแคมเปญคิดใหม่ ทำใหม่ ก็ติดตลาด

การเลือกตั้งปี 2548 พรรคไทยรักไทยได้ 18 ล้านเสียง ส.ส.เขต 310 ที่นั่ง และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 67 ที่นั่ง รวม 377 ที่นั่ง นี่คือปรากฏการณ์แลนด์สไลด์ของจริง

การเลือกตั้งปี 2554 ทักษิณปั้นยิ่งลักษณ์ ในเวลา 49 วัน ก้าวสู่นายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทยได้ 15 ล้านเสียง และได้ ส.ส.ทั้งสองระบบ 265 คน การเลือกตั้งปี 2562 ภายใต้กติกาใหม่ รัฐธรรมนูญ 2560 ใช้บัตรใบเดียว และสูตรคำนวณ ส.ส.แบบจัดสรรปันส่วนผสม

เปิดแคมเปญใหม่ "คิดใหญ่ ทำเป็น"  รีแบรนด์ชินวัตร ก่อนลุ้นนายกฯ

ผลการเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยคะแนนหายไปเกือบครึ่ง คือได้ 7.8 ล้านเสียง และได้ ส.ส.136 คน ไม่ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ

เพื่อไทยเสียหายพอสมควร จากคะแนนนิยม 15 ล้านเสียง เหลืออยู่เกือบ 8 ล้านเสียงเท่านั้น และตัวแปรที่เข้ามาเป็นคู่แข่งคือ พรรคอนาคตใหม่ ได้ 6.3 ล้านเสียง

ดังนั้น การปรับแผนดัน “อุ๊งอิ๊ง” เปิดแคมเปญ คิดใหญ่ ทำเป็น จึงเป็นการขายของเก่า ตามรอย “ทักษิณ” ที่เคยแลนด์สไลด์กับ คิดใหม่ ทำใหม่ เพื่อไทยจึงไม่รีบร้อนโชว์ตัวเศรษฐา แต่เวลานี้ต้องเร่งดันแบรนด์ชินวัตร “อุ๊งอิ๊ง” ให้ติดตลาด เพราะฐานเสียงหลักของเพื่อไทยยังเป็นคนรากหญ้า

นี่คือโจทย์ใหม่ โจทย์ยากของอุ๊งอิ๊ง และเหนืออื่นใด แคมเปญการตลาดการเมือง “คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน” จะขายได้หรือไม่