“ประยุทธ์”จัดทัพ”รวมไทยสร้างชาติ เปิดบ้านพักถก 2 ต. คัดว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รมว.กลาโหม ขยับจัดทัพพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ด้วยตัวเอง วางขุนพล “นักเลือกตั้ง” เอาไว้สู้ศึกเลือกตั้งในปี 2566 เพื่อกระชับอำนาจเอาไว้ที่ตัวเอง ปลดแอกออกจากพี่ใหญ่  “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ 

แม้ฤกษ์งามยามดี 21-22 พ.ย.ที่ผ่านมา จะยังไม่ได้ยื่นใบสมัครสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ อย่างที่หวังเอาไว้ เนื่องจากเกรงว่าจะสถานะนายกรัฐมนตรีที่มาจากบัญชีของพรรคพลังประชารัฐ จะย้อนกลับมาทิ่มแทง เพราะจะมี “มือดี-มือรับงาน” ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความได้

ดังนั้นการรอจังหวะที่เหมาะสม เพื่อเข้าเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ จึงระมัดระวังความปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่า เพราะหากต้องฝากชะตาของตัวเองไว้ในมือของ “ศาลรัฐธรรมนูญ” อาจจะเข้าทาง “ฝ่ายแค้น” ที่รอจังหวะชิงเกมนำ ทางการเมืองอยู่

ขณะเดียวกันมีกระแสข่าว “พล.อ.ประยุทธ์” เปิดบ้านพักให้ “ขุนพล รทสช.” เข้าพบเกือบทุกวัน เพื่อรายงานความคืบหน้างานด้านธุรการ ความคืบหน้างานด้านมวลชน และรายงานทุกความเคลื่อนไหวของ “กลุ่ม-ก๊วน” ทางการเมืองที่จะย้ายเข้าสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติ

ว่ากันว่า “บิ๊กเนม” คนหนึ่งพยายามตั้งมุ้งของตัวเอง ด้วยการนำ “ส.ส.” เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ โดยควักท่อน้ำเลี้ยงส่วนตัว เพื่อจูงใจให้ ส.ส. ไปรายงานตัวว่าอยู่ภายใต้การดูแลของ “บิ๊กเนม” แต่ที่พลาดคือ ส.ส. ที่เคลมนั้นเป็น “สายนกแล” ไม่มีพื้นที่ของตัวเอง ซึ่งอาจจะโดนเบียดจากว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ที่ได้วางไว้ก่อนแล้ว

ส่วน “บิ๊กเนม” อีกคน แม้จะพลาดหวังจากเก้าอี้เลขาธิการพรรค แต่พยายามซ่องสุมกองกำลัง เพื่อต่อยอดการันตีเก้าอี้รัฐมนตรี ด้วยการพาตัวนักการเมืองหลากหลายพื้นที่ไปแนะนำตัวกับ พล.อ.ประยุทธ์ เพื่อฝากฝังให้ส่งลงสมัครในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ
 

ขณะที่ “เดอะตุ๋ย” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ “สามสี” ไตรรงค์ สุวรรณคีรี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เข้าออกบ้านพักของ “ประยุทธ์” แทบทุกวันเช่นกัน เพื่อร่วมกันสแกนตัวว่าที่ผู้สมัครว่า ใครตัวจริง-ใครตัวปลอม-ใครโดนเคลม เพื่อให้ฯนายกประยุทธ์รับรู้ข้อมูล

“ขุนพลนักเลือกตั้ง” ภายใต้การนำของ ประยุทธ์ในแบรนด์พรรครวมไทยสร้างชาติ จึงมาจากหลากหลายกลุ่ม-ก๊วน ไม่ต่างจากพรรคพลังประชารัฐในช่วงเริ่มตั้งไข่

สายใต้ “พีระพันธุ์” และ "เลขาฯขิง" เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ มีคอนเนคชั่นเก่ากับ ส.ส. - อดีต ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ หลายคน จึงมีการติดต่อให้มาร่วมงาน แถมกระแสของประยุทธ์ในพื้นที่ภาคใต้ค่อนข้างดี เมื่อมีดีลให้ย้ายค่ายมาอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ “นักเลือกตั้ง” จึงยากที่จะปฏิเสธ

นอกจากนี้ยังมี 14 ส.ส.ใต้ พรรคพลังประชารัฐ หลายคนยื่นข้อเสนอขอเข้าสังกัด “ทีมประยุทธ์” แต่มีการคัดเลือกแค่บางคน โดยมีกระแสข่าวว่ามี “สายัณห์ ยุติธรรม” ส.ส. นครศรีธรรมราช “ศาสตรา ศรีปาน” ส.ส. สงขลา เพียง 2 คนเท่านั้นที่ผ่านเกณฑ์

ขณะเดียวกัน ได้แบ่งความรับผิดชอบรายจังหวัด อาทิ “กำนันศักดิ์” พงษ์ศักดิ์ จ่าแก้ว ดูแลจ.สุราษฎร์ธานี “ลูกหมี” ชุมพล จุลใส ดูแลจ.ชุมพร “วิสุทธิ์ ธรรมเพชร” ดูแล จ.พัทลุง เป็นต้น

สำหรับพื้นที่กทม. มีดีล “บิ๊กเนมทีมกทม.” อาทิ สกลธี ภัทธิยกุล อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อดีตรมว.ศึกษาธิการ กลับมาช่วยงาน ซึ่งมีการวางตัว-วางกำลังรบไว้บ้างแล้ว ซึ่งต้องจับตาการดึง ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ และ อดีต ส.ส. กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ให้มาร่วมงาน

ด้าน “ทีมเสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ที่พยายามสยายปีกคุมภาคตะวันออก ประกาศชัดอยู่ “ทีมประยุทธ์” ขนขุนพล จ.ชลบุรี จ.ฉะเชิงเทรา รายงานตัวเรียบร้อยแล้ว

ทว่า การมาของ “สุชาติ” ทำให้ “บ้านใหญ่คุณปลื้ม - บ้านใหญ่ปากน้ำ” กลับส่งผลต่อกลุ่มอื่นๆ ที่จะไม่มาร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติ  เพราะต่างก็มีความแค้นทางการเมืองส่วนตัวกันอยู่

“กลุ่มเพชรบูรณ์” ของ “สันติ พร้อมพัฒน์” รมช.คลัง ที่ไปต้อนรับนายกฯประยุทธ์ลงพื้นที่ จ.เพชรบูรณ์ เมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา เสมือนประกาศตัวชัดเจน แม้จะอยู่ในตำแหน่งเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐก็ตาม ซึ่งพื้นที่จ.เพชรบูรณ์ของ “สันติ” มีโอกาสสูงที่จะชนะเลือกตั้งยกจังหวัด

“กลุ่มสามมิตร” มีกระแสข่าวหนาหูว่า “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.ยุติธรรม อาจจะแยกทางกันเดินกับ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รมว.อุตสาหกรรม โดย “สุริยะ” มีแนวโน้มเลือกทาง จะไปต่อกับ พล.อ.ประยุทธ์ ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ โดยพร้อมจะขนทุน-ขนส.ส.ในสังกัดเข้าพรรค

ด้าน “สมศักดิ์” แว่วมาว่า มีการขยับฝากเด็กในสังกัดเข้าสมัครสมาชิกพรรคเพื่อไทย แต่ยังออกอาการกั๊กเอาไว้ เดินเกมการเมืองไร้ร่องรอย ไม่เผยไต๋ ว่าเลือกขั้วใด จนกว่าจะมั่นใจว่าขั้วไหนมีโอกาสชนะมากกว่า “สมศักดิ์” ถึงจะประกาศตัวเลือกข้าง

ความพยายามในการก่อร่างสร้างพรรครวมไทยสร้างชาติ ภายใต้การนำของ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ที่หมายมั่นปั้นมือลงสู้ศึกเลือกตั้ง กระชับอำนาจให้อยู่ในมือของตัวเองเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ กำจัดแรงต่อรองทางการเมือง ที่ได้บทเรียนจาก “ประวิตร-พลังประชารัฐ”