ป.ป.ช.ตีตกคดี “พิศิษฐ์-สุกัญญา” ช่วงนั่งรองเลขา สตง.ปมขึ้นเงินเดือนตัวเอง

ป.ป.ช.ตีตกคดี “พิศิษฐ์-สุกัญญา” ช่วงนั่งรองเลขา สตง.ปมขึ้นเงินเดือนตัวเอง

ป.ป.ช.ตีตกข้อกล่าวหา “พิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส-สุกัญญา สุวัฒนวงศ์” เมื่อครั้งนั่งเก้าอี้ “รองผู้ว่า สตง.” เมื่อ 11 ปีก่อน ใช้อาจประธาน คตง. ขึ้นเงินเดือนโดยมิชอบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติเอกฉันท์ตีตกข้อกล่าวหาแก่นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และมีมติเสียงข้างมากตีตกข้อกล่าวหาแก่นางสุกัญญา สุวัฒนวงศ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (รองผู้ว่า สตง.) กรณีถูกกล่าวหาว่าใช้อำนาจประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) มีคำสั่งขึ้นเงินเดือนโดยมิชอบ

สำหรับพฤติการณ์ที่ถูกกล่าวหา ถูกระบุในสำนวนการไต่สวนว่า เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2554 นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส รองผู้ว่าฯ รักษาราชการแทนผู้ว่าฯ ได้มีคำสั่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ที่ 239/2554 ลงวันที่ 10 สิงหาคม 2554 เรื่องแก้ไขคำสั่งที่ 75/2552 ลงวันที่ 9 เมษายน 2552 แต่งตั้งรองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินให้รักษาราชการแทนผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ในกรณีที่นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส รองผู้ว่าฯ รักษาราชการแทนผู้ว่าฯ ไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ตามลำดับ ดังนี้ 1. นางสุกัญญา สุวัฒนวงศ์ 2. นายวัลลภนิทัศน์กาญจนานนท์ 3. นางสาวประพีร์ อังกินันทน์ 4. นายศิริพงษ์ วีระแสงพงษ์ และ 5. นายพรชัย จำรูญพานิชย์กุล
 

เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2554 นายพิศิษฐ์ฯ รองผู้ว่าฯ รักษาราชการแทนผู้ว่าฯ ผู้ใช้อำนาจหน้าที่แทนประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดินได้มีคำสั่งประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ที่ 9/2554 เลื่อนเงินเดือนข้าราชการ โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 301 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 เนื่องจากขณะนั้นยังไม่มีคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน และอาศัยอำนาจตามระเบียบคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินว่าด้วยการบริหารงานบุคคล พ.ศ. 2543 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยเลื่อนเงินเดือนข้าราชการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินระดับ 10 ตามผลการประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผลการปฏิบัติงานครึ่งปีที่แล้วมา โดยนางสุกัญญาฯ ได้เลื่อนเงินเดือนตามคำสั่งดังกล่าวหนึ่งขั้นครึ่ง จากเดิม 57,930 บาท เป็น 60,830 บาท เพิ่มขึ้นเป็นเงิน 2,900 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2554 เป็นต้นไป

ต่อมานายพิศิษฐ์ฯ ได้ลาอุปสมบท ตั้งแต่วันที่ 5 พฤศจิกายน 2554 ถึงวันที่ 5 ธันวาคม 2554 นางสุกัญญาฯ รองผู้ว่าฯ จึงรักษาราชการแทนผู้ว่าฯ และเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2554 นางสุกัญญาฯ ในฐานะรองผู้ว่าฯ รักษาราชการแทนผู้ว่าฯ ผู้ใช้อำนาจหน้าที่แทนประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ได้ออกคำสั่งประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ที่ 10/2554 ลงวันที่ 2 ธันวาคม 2554 เรื่องให้ข้าราชการได้รับเงินเดือนในอันดับที่สูงขึ้นในชั้นที่เทียบได้ตรงกันกับเงินเดือนของอันดับเดิม จำนวน 1 ราย คือ นายพิศิษฐ์ฯ รองผู้ว่าฯ ได้รับเงินเดือนจากเดิม 62,760 บาท เป็น 67,560 บาท เพิ่มขึ้นเป็นเงิน 4,800 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2554 เป็นต้นไป

การที่นายพิศิษฐ์ฯ และนางสุกัญญาฯ ใช้อำนาจประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดินออกคำสั่งประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ที่ 9/2554 และ 10/2554 ดังกล่าว เป็นการใช้อำนาจแทนประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ตามมาตรา 301 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกาได้เคยมีความเห็นตามเรื่องเสร็จที่ 481/2553 และหนังสือสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ด่วนที่สุด ที่ นร 0901/0192 ลงวันที่ 30 มกราคม 2555 ได้ให้ความเห็นว่า อำนาจหน้าที่ของผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินตามรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน เป็นอำนาจเฉพาะตัวของผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ดังนั้น นายพิศิษฐ์ฯ และนางสุกัญญาฯ ในฐานะรักษาราชการแทนผู้ว่าฯ จึงไม่อาจใช้อำนาจผู้ว่าฯ ในการใช้อำนาจหน้าที่แทนประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดินและคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ออกคำสั่งประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ที่ 9/2554 และ 10/2554 เลื่อนเงินเดือนให้กันได้ การกระทำของนายพิศิษฐ์ฯ และนางสุกัญญาฯ เป็นการกระทำโดยไม่มีอำนาจและไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นการแสวงหาผลประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบ

โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่า จากการไต่สวนข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2552 คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ ได้มีคำสั่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ที่ 75/2552 เรื่อง แต่งตั้งรองผู้ว่าฯ ให้รักษาราชการแทนผู้ว่าฯ โดยนายพิศิษฐ์ลีลาวชิโรภาส รองผู้ว่าฯ ได้รับแต่งตั้งให้รักษาราชการแทนผู้ว่าฯ ในลำดับที่หนึ่ง 

ต่อมาเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2553 คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ ได้พ้นจากตำแหน่งดังกล่าว เนื่องจากอายุครบ 65 ปีบริบูรณ์ จากนั้นเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2554 สตง.ได้มีประกาศพระบรมราชโองการโปรดเกล้าแต่งตั้งให้ข้าราชการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ดำรงตำแหน่งระดับ 10 จำนวน 7 ราย ซึ่งมีบุคคลจำนวน 4 ราย ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าฯ ประกอบด้วย นางสุกัญญา สุวัฒนวงศ์ นายวัลลภ นิทัศกาญจนานนท์ นายพรชัย จำรูญพานิชย์กุล และนางสาวประพีร์ อังกินันทน์

ต่อมาเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2554 นายพิศิษฐ์ฯ รองผู้ว่าฯ รักษาราชการแทนผู้ว่าฯ ได้มีคำสั่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินที่ 239/2554 เรื่อง แก้ไขคำสั่งที่ 75/2552 แต่งตั้งรองผู้ว่าฯ ให้รักษาราชการแทนผู้ว่าฯ โดยนางสุกัญญาฯ รองผู้ว่าฯได้รับแต่งตั้งให้รักษาราชการผู้ว่าฯ กรณีที่นายพิศิษฐ์ฯ รองผู้ว่าฯ รักษาราชการแทนผู้ว่าฯ ไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติราชการได้ในลำดับที่หนึ่ง 

จากนั้นวันที่ 4 พฤศจิกายน 2554 นายพิศิษฐ์ฯ รองผู้ว่าฯ รักษาราชการแทนผู้ว่าฯ เป็นผู้ใช้อำนาจหน้าที่แทนประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ลงนามในคำสั่งประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ที่ 9/2554 เรื่อง เลื่อนเงินเดือนข้าราชการ ซึ่งเป็นการเลื่อนขั้นเงินเดือนข้าราชการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินระดับ 10 ตามผลการประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผลการปฏิบัติงานครึ่งปีที่แล้วมา (1 เมษายน 2554 ถึง 30 กันยายน 2554) จำนวน 8 คน โดยมีผู้ได้รับการเลื่อนขั้นเงินเดือนครึ่งขั้น ตาม กฎ ก.พ. ข้อ 7 (1) จำนวน 2 คน ประกอบด้วยนายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส รองผู้ว่าฯ และนายศิริพงษ์ วีระแสงพงษ์ รองผู้ว่าฯ และมีผู้ได้รับการเลื่อนขั้นเงินเดือนหนึ่งขั้น ตามกฎ ก.พ. ข้อ 8 (1) จำนวน 2 คน ประกอบด้วย นางสาวจิราภรณ์ พิริยะกิจไพบูลย์ นักวิชาการตรวจเงินแผ่นดิน 10 และนางสาวพวงชมนารถ จริยะจินดา นักวิชาการตรวจเงินแผ่นดิน 10 ส่วนที่เหลืออีก 4 คน ได้รับการเลื่อนขั้นเงินเดือนหนึ่งขั้นครึ่ง ตามกฎ ก.พ. ข้อ 11 (1) ประกอบด้วย นางสุกัญญา สุวัฒนวงศ์ รองผู้ว่าฯ นายพรชัย จำรูญพานิชย์กุล รองผู้ว่าฯ นางสาวประพีร์ อังกินันทน์ รองผู้ว่าฯ และนายมณเฑียร เจริญผล นักวิชาการตรวจเงินแผ่นดิน 10

ทั้งนี้ เนื่องจากขณะนั้นไม่มีบุคคลดำรงตำแหน่งประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน และผู้ว่าฯ นายพิศิษฐ์ฯ ในฐานะรองผู้ว่าฯ รักษาราชการแทนผู้ว่าฯ ตามคำสั่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินที่ 75/2552 จึงเป็นผู้ใช้อำนาจหน้าที่แทนประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ลงนามในคำสั่งประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดินที่ 9/2554 ลงวันที่ 4 พฤศจิกายน 2554 ดังกล่าว ซึ่งเป็นการใช้อำนาจตามมาตรา 301 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และตามคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง คดีหมายเลขดำที่ 1306/2553 คดีหมายเลขแดงที่ 1679/2553 ประกอบความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ 503/2555

ต่อมานายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ได้ลาอุปสมบท ตั้งแต่วันที่ 5 พฤศจิกายน 2554 ถึงวันที่ 5 ธันวาคม 2554 ในระหว่างนั้น วันที่ 2 ธันวาคม 2554 สำนักบริหารทรัพยากรบุคคล ได้ทำบันทึกข้อความ ที่ ตผ 0009/1946.1 เรื่อง การเลื่อนเงินเดือนข้าราชการระดับ 10 กราบเรียน ประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน พิจารณาเลื่อนเงินเดือนให้นายพิศิษฐ์ฯ รองผู้ว่าฯ เนื่องจากนายพิศิษฐ์ฯ ได้รับการเลื่อนขั้นเงินเดือนอันดับ ท10 จำนวน 62,760 บาท ซึ่งเป็นเงินเดือนขั้นสูงของข้าราชการระดับ ท10 แล้ว จะได้รับเงินเดือนในอันดับ ท11 จำนวน 67,560 บาท ซึ่งเป็นขั้นที่เทียบได้ตรงกันกับขั้นเงินเดือนของอันดับ ท10 เดิม ตั้งแต่วันแรกที่ได้รับเงินเดือนถึงขั้นสูงของอันดับ ท10 โดยนางสุกัญญาฯ รองผู้ว่าฯ รักษาราชการแทนผู้ว่าฯ เป็นผู้ใช้อำนาจหน้าที่แทนประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ลงนามในคำสั่งประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดินที่ 10/2554 เรื่อง ให้ข้าราชการได้รับเงินเดือนในอับดับที่สูงขึ้นในขั้นที่เทียบได้ตรงกันกับขั้นเงินเดือนของอันดับเดิม ซึ่งก็เป็นการอาศัยอำนาจตามมาตรา 301 วรรคสอง แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ประกอบ ข้อ 11/1 วรรคสอง ของระเบียบคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินว่าด้วยการบริหารงานบุคคล พ.ศ. 2543 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และเป็นไปตามแนวคำวินิจฉัยของศาลปกครองกลาง ในคดีหมายเลขดำที่ 1306/2553 คดีหมายเลขแดงที่ 1679/2553 เช่นเดียวกัน

โดยที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้ว มีมติดังนี้

1.นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน รักษาราชการแทนผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน
ที่ประชุมพิจารณาแล้วมีมติเป็นเอกฉันท์ ด้วยคะแนนเสียง 7 เสียง เห็นว่า จากการไต่สวนข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานยังไม่เพียงพอที่จะฟังได้ว่า นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ได้กระทำความผิดตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป

2.นางสุกัญญา สุวัฒนวงศ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน รักษาราชการแทนผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ที่ประชุมพิจารณาแล้วลงคะแนนเสียง แยกเป็นสองฝ่าย ดังนี้

ฝ่ายเสียงข้างมาก ประกอบด้วย กรรมการ ป.ป.ช. จำนวน 6 เสียง เห็นว่า จากการไต่สวนข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานยังไม่เพียงพอที่จะฟังได้ว่า นางสุกัญญา สุวัฒนวงศ์ ได้กระทำความผิดตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาไม่มีมูลให้ข้อกล่าวหาตกไป

ฝ่ายเสียงข้างน้อย ประกอบด้วย กรรมการ ป.ป.ช. จำนวน 1 เสียง เห็นว่า การที่นางสุกัญญา สุวัฒนวงศ์ รองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน รักษาราชการแทนผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ในลำดับที่ 2 กระทำการลงนามในคำสั่งประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ที่ 10/2554 ลงวันที่ 2 ธันวาคม 2554 เพื่อเลื่อนเงินเดือนให้กับนายพิศิษฐ์ฯ รองผู้ว่าฯ รักษาราชการแทนผู้ว่าฯ ลำดับที่ 1 โดยใช้อำนาจหน้าที่แทนประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ทั้งที่เป็นอำนาจเฉพาะตัวของประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ซึ่งนางสุกัญญาฯ ไม่มีอำนาจกระทำได้ การกระทำของนางสุกัญญาฯ จึงเป็นการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการเห็นควรดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหา นางสุกัญญาฯ ก่อนดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

ผลสรุปมติของที่ประชุม ต้องถือความเห็นของกรรมการ ป.ป.ช. ฝ่ายเสียงข้างมาก จำนวน 6 เสียง ซึ่งเกินกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ ว่า จากการไต่สวนข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานยังไม่เพียงพอที่จะฟังได้ว่า นางสุกัญญา สุวัฒนวงศ์ ได้กระทำความผิดตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาไม่มีมูลให้ข้อกล่าวหาตกไป