"วราวุธ" ประกาศทวงคืนพื้นที่ส.ส.รุ่นพ่อบรรหาร

"วราวุธ" ประกาศทวงคืนพื้นที่ส.ส.รุ่นพ่อบรรหาร

"วราวุธ" มั่นใจกระแสผู้นำรุ่นใหม่ไม่แพ้ใคร ลั่นทวงคืน พื้นที่ ส.ส. รุ่นพ่อบรรหาร นัดประชุมกก.บห. ชุดใหม่ 6ตุลาคม ย้ำเลือกตั้งรอบหน้า จะไม่เป็นฝ่ายค้าน

 

            ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังการประชุมพรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งมีมติเลือก นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ พบว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม มอบหมายให้นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกฯฝ่ายการเมืองและโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นำแจกันดอกไม้ร่วมแสดงความยินดี นอกจากนั้นยังมีตัวแทนพรรคพลังประชารัฐ คือ นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ฐานะแกนนำพรรคพลังประชารัฐ, ตัวแทนพรรคเพื่อชาติ และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.และเลขาธิกาพรรคประชาชาติ นำแจกันดอกไม้แสดงความยินดีเช่นกัน

 

\"วราวุธ\" ประกาศทวงคืนพื้นที่ส.ส.รุ่นพ่อบรรหาร

 

 

            จากนั้น นายวราวุธ ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมพร้อมสู้ศึกเลือกตั้ง ส.ส. ว่าในวันที่ 6 ตุลาคม ตนจะเรียกประชุมกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ เพื่อพิจารณารายละเอียด อย่างไรก็ดีจากการทำงานลงพื้นที่ที่ผ่านมาได้รับฟังปัญหาและนำมากำหนดเป็นนโยบาย ซึ่งเป้าหมายของตนพร้อมจะนำพรรคชาติไทยพัฒนาทวงคืนหลายพื้นที่เดิมที่พรรคชาติไทยเคยปักธงไว้อีกครั้ง และจะทำให้พรรคเติบโตอย่างมั่นคง ส่วนการเปรียบเทียบกับกระแสความนิยมของตนกับผู้นำพรรคการเมืองอื่นนั้น ตนมองว่ากระแสตนไม่แพ้ใครเช่นกัน

 

            เมื่อถามถึงจุดยืนทางการเมืองและจับมือร่วมงานกับกลุ่มการเมืองใด นายวราวุธ กล่าวว่า ยังเร็วไปที่จะตัดสินใจเพราะการจัดตั้งรัฐบาลเป็นสมการบวกเลข ดังนั้นต้องรอดูหลังกการเลือกตั้ง

 

            "ผมคิดว่าการทำงานของพรรคจากนี้จะทำงานให้กับพี่น้องประชาชนให้ทุกกลุ่ม ท่านใดมีศักยภาพทำงานร่วมกันเพื่อให้พรรคมีความมั่นคง คงไม่มีพรรคไหนให้สัมภาษณ์ว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าว่ารอบหน้าจะเป็นฝ่ายค้าน หรือไปถามนักการกีฬาว่าจะเป็นที่สามที่สี่ คงอยากได้เป็นที่หนึ่งกันหมด” นายวราวุธ กล่าว

 

            เมื่อถามว่ากดดันหรือไม่เมื่อมีการเปรียบเทียบความนิยมของพรรคในยุคบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนาคนใหม่ กล่าวว่า ความนิยมไม่สามารถส่งผ่านกันได้ เพราะนายบรรหาร  ทำงานตั้งแต่ปี 2475-2559 รวม 80 ปี แต่ตนทำงานมา 3 ปี ดังนั้นการทำงานของพรรคการเมือง และเส้นทางการเมืองไม่สามารถเร่งอะไรได้ สำคัญที่สุดคือความนิยมและบารมีอยู่ที่การสร้างศรัทธาและสร้างผลงานให้ถูกใจประชาชนได้มากน้อยแค่ไหน โดยจะใช้ผลงานเป็นตัวชี้วัด