"โฆษกรัฐบาล" เผย ภาคธุรกิจขานรับ "ประวิตร" นั่ง นายกฯ ยัน เดินหน้า ไร้สุญญากาศ

"โฆษกรัฐบาล" เผย ภาคธุรกิจขานรับ "ประวิตร" นั่ง นายกฯ ยัน เดินหน้า ไร้สุญญากาศ

"อนุชา" ยืนยัน "รัฐบาล" เดินหน้าทำงาน ไม่มีสุญญากาศ เผย ภาคธุรกิจ เชื่อมั่นต่อเสถียรภาพ มีมุมมองเชิงบวกต่อ "ประวิตร" เรียกร้องทุกฝ่ายช่วยกันสร้างบรรยากาศที่ดีให้กับบ้านเมือง

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​กลาโหม​ เคารพผลวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และได้หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม 2565 จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย ซึ่งในระหว่างนี้ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้ปฏิบัติหน้าที่รักษาการแทนนายกรัฐมนตรี และปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับคณะรัฐมนตรี โดยมิได้มีผลกระทบอย่างใดต่อการบริหารประเทศ และการปฏิบัติงานของข้าราชการ หรือการดำเนินนโยบายอื่น ๆ ของรัฐบาล ยืนยันว่ารัฐบาลสามารถเดินหน้าทำงานต่อไปได้ ไม่มีสุญญากาศทางการบริหารประเทศแต่อย่างใด 

นายอนุชา กล่าวต่อว่า ด้านภาคธุรกิจเอกชน ภาคการเงินการธนาคาร ภาคการท่องเที่ยว ได้แสดงความเชื่อมั่นต่อเสถียรภาพของรัฐบาล โดยภาคเอกชนมีมุมมองเชิงบวกต่อกรณีที่มีผู้รักษาการแทนนายกรัฐมนตรี ทำให้ไม่มีเรื่องสุญญากาศ ซึ่งลักษณะเป็นไปตามหลักนิติธรรม มีกลไกรองรับ จึงไม่กังวลกับภาคการเมือง รวมทั้งไม่กังวลกับนโยบายการลงทุนภาครัฐ เพราะงบประมาณปี 2566 ก็ได้ผ่านการพิจารณาเรียบร้อยแล้ว งานต่างๆ สามารถเดินหน้าต่อไปได้ ยืนยันว่ารัฐบาลยังสามารถเดินหน้าทำงานตามกรอบการทำงานที่วางไว้ เพื่อเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศจากสถานการณ์โควิด-19 

นายอนุชา กล่าวว่า ขณะที่บ้านเมืองขณะนี้ก็อยู่ในบรรยากาศที่ดี จึงขอเรียกร้องให้กลุ่มการเมืองต่างๆ รวมถึงผู้ที่ยังชุมนุมอยู่ได้เชื่อมั่นในกฎหมายและหลักนิติธรรมของบ้านเมือง รอฟังผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่จะทำให้เกิดความชัดเจนทางการเมืองในอีกไม่นานนี้  

นายอนุชา​ ยืนยันว่า รัฐบาลจะเดินหน้าทำงานตามกรอบยุทธศาสตร์ชาติและแผนงานต่าง ๆ ทุกด้านที่กำหนดไว้ต่อไปจนครบวาระการทำงานของรัฐบาล และให้ทุกฝ่ายช่วยกันสร้างบรรยากาศที่ดีให้กับบ้านเมือง ร่วมสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยรวมทั้งนักลงทุนต่างชาติที่ให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเพื่อทำให้กลไกต่างๆ ทุกภาคส่วนได้เดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เข้มแข็งต่อไป เพื่อประโยชน์สุขของคนไทยทุกคน