“ประยุทธ์” ไม่ขัดข้องเลิก “พ.ร.ก.ฉุกเฉิน” ส่งผลให้ “ศบค.” หายไปด้วย

“ประยุทธ์” ไม่ขัดข้องเลิก “พ.ร.ก.ฉุกเฉิน” ส่งผลให้ “ศบค.” หายไปด้วย

“หมออุดม” เผย ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แน่ หารือ “ประยุทธ์” แล้ว ไม่ขัดข้อง หลังสถานการณ์โควิด เบาลง ชี้ หากมีผล 1 ต.ค. นี้ “ศบค.” หายไปด้วย โดยใช้ พ.ร.บ.โรคติดต่อ แทน

ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.อุดม คชินทร ที่ปรึกษาศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) กล่าวก่อนการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ถึงการพิจารณาให้โควิด-19 เป็นโรคติดต่อเฝ้าระวังในวันที่ 1 ต.ค. จะต้องยกเลิกการใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ด้วยหรือไม่ว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ยกเลิกแน่นอน โดยเบื้องต้นเรื่องนี้ได้มีการหารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะผอ.ศบค. ก็ไม่ได้ขัดข้อง เนื่องจากเห็นว่าสถานการณ์เริ่มเบาลง และหากยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ในวันที่ 1 ต.ค. ศบค.ก็ต้องหายไปด้วย และอาจนำพ.ร.บ.โรคติดต่อฯ กลับมาปัดฝุ่นใช้ เพื่อเพิ่มความเข้มแข็ง และตั้งให้มีหน่วยงานคล้ายกับ ศบค. เป็นหน่วยงานในการช่วยประสานงาน โดยอาจมีการปรับมาเป็นรูปแบบของคณะกรรมการร่วม แต่ข้อสรุปจะต้องรอการประชุมก่อนครบกำหนดพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ในวันที่ 30 ก.ย.นี้อีกครั้ง แต่แนวโน้มคงจะยกเลิก ด้วยสถานการณ์ต่างๆ ในประเทศ และการเดินหน้าของเศรษฐกิจ

ทั้งนี้สถานการณ์ผู้ติดเชื้อมีคนไข้ในระบบประมาณ 2,000 คน และคนไข้ที่ตรวจพบจากATK อยู่ในระบบวันละประมาณ 30,000 คนและนอกระบบ 1-2 เท่าต่อวัน โดยภาพรวมผู้ติดเชื้อวันละประมาณ 60,000-70,000 คน และคงที่มาประมาณเกือบเดือน จึงคาดการณ์ว่าอาจจะคงอยู่อีก1 เดือน และหลังวันที่ 1 ต.ค. น่าจะเริ่มลดลง และคนไข้ที่เข้าโรงพยาบาลน่าจะต่ำกว่า 1,000 คนต่อวัน ถ้าเป็นตัวเลขนี้จะเสียชีวิตประมาณวันละ 10 คน ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าพอใจ ที่จะกลายเป็นโรคติดต่อเฝ้าระวัง ส่วนการจะเป็นโรคประจำถิ่นจะดูไปอีกสักระยะ

นพ.อุดม กล่าวอีกว่า สำหรับการประชุมในวันนี้จะพิจารณากรอบนโยบาย และแผนดำเนินงานช่วงเปลี่ยนผ่านไปสู่โรคประจำถิ่น เริ่มตั้งแต่เดือนก.ย.- ต.ค.เป็นต้นไป สิ่งที่ต้องทำ 2 เรื่องใหญ่คือ เตรียมการให้คนไข้เข้าถึงบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะเวลานี้ยังมีเสียงบ่นจากคนไข้ในการพบหมอ และรับยา และขอยืนยันว่าเรื่องยาไม่ต้องกังวลยังมีเหลือเพียงพอ ทั้งฟาวิพิราเวียร์ และโมลนูพิราเวียร์ แต่ปัญหา คือ เรื่องบริหารจัดการบางที่คนไข้มากน้อยต่างกัน และจากนี้จะให้คนไข้รับยาที่ร้านยาในเครือข่ายได้อีกทางหนึ่ง และขณะนี้ 3 กองทุนหลักร่วมเอกชนจัดทำ 3 แอปพลิเคชัน เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงในกรณีติดเชื้อได้ครอบคลุมทั้งประเทศคนไข้สามารถเจอแพทย์ และรับยาโดยมีบริการส่งถึงบ้านให้เกิดความสะดวก

เรื่องที่ 2 คือ วัคซีนที่ต้องทำความเข้าใจว่ายังต้องฉีดเข็ม 3 และ 4 เพราะเชื้อBA.4 และ BA.5 ยังมีความรุนแรง แต่วัคซีนทำให้เกิดภูมิ ดังนั้นควรฉีดเข็มกระตุ้น และขอย้ำว่าไม่ติดดีที่สุด เพราะการติดยังสามารถตายได้ถ้ามีความเสี่ยง และจะมีอาการลองโควิด ซึ่งที่เสียชีวิตปัจจุบัน 60 เปอร์เซ็นต์ไม่ฉีดวัคซีน ส่วนเข็ม 5-6 ขอให้บุคลากรทางการแพทย์เพราะเป็นบุคลากรด่านหน้า บุคคลทั่วไปยังไม่แนะนำ

ขอย้ำว่าประชาชนยังต้องป้องกันตัวเอง โดยการสวมหน้ากากอนามัยยังจำเป็นที่สุด ล้างมือให้บ่อย และเว้นระยะห่าง รวมถึงการปฏิบัติตัวป้องกันโรคแบบครอบจักรวาล

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์