ศึก 5 เสือ ชิง "58 ส.ส."แดนใต้ "รวมไทยสร้างชาติ"ท้าชน 4 พรรค

ศึก 5 เสือ ชิง "58 ส.ส."แดนใต้ "รวมไทยสร้างชาติ"ท้าชน 4 พรรค

5 เสือ 5 สิงห์ 5 พรรค ที่ต้องขับเคี่ยวกันแย่ง ส.ส. ภาคใต้ ที่มีอยู่ 58 ที่นั่ง โดยมี "รวมไทยสร้างชาติ" พรรคใหม่ล่าสุด ที่เข้ามาท้าชิงเจ้าของพื้นที่ อย่างไม่มีเกรงศักดิ์ศรี

สมรภูมิเลือกตั้งในดินแดนด้ามขวาน ในศึกเลือกตั้งครั้งหน้า รับประกันความดุเดือด อย่างแน่นอน  เพราะเกือบทุกพื้นที่ จะเป็นการเปิดแนวรบของคนกันเอง ซึ่งล้วนแตกตัวจากพรรคประชาธิปัตย์ ก่อนกระจัดกระจายกันไปเข้าสังกัดพรรคใหม่

เมื่อเทียบสถิติการเลือกตั้งปี 2554 ยุคแลนด์สไลด์ของประชาธิปัตย์ ที่กวาด ส.ส.ภาคใต้ไปถึง 50 ที่นั่ง จาก 53 ที่นั่ง ส่วนเศษอีก 3 เขต เป็นของภูมิใจไทย ชาติไทยพัฒนา และมาตุภูมิ พรรคละ 1 ที่นั่ง

ทว่า การเลือกตั้ง 2562 ประชาธิปัตย์ กลับพลิกความคาดหมาย เมื่อสูญเสียเก้าอี้ ส.ส.ไปเกินครึ่ง เหลือเพียง 22 ที่นั่ง จาก 50 ที่นั่ง โดยตกเป็นของพรรคพลังประชารัฐ 13 ที่นั่ง (ได้เพิ่มจากการเลือกตั้งซ่อมอีก 1 ที่นั่ง) ภูมิใจไทย 8 ที่นั่ง ประชาชาติ 6 ที่นั่ง และพรรครวมพลัง 1 ที่นั่ง

การลดลงของ ส.ส.ใต้ ของประชาธิปัตย์ เป็นสัญญาณบ่งบอก หมดยุคส่งเสาไฟฟ้าลงก็ชนะ ก้าวเข้าสู่ยุคการทำพื้นที่ การสร้างผลงาน การสร้างกระแส รวมถึง “ท่อน้ำเลี้ยง” ซึ่งมีให้เห็นมากขึ้น

ที่สำคัญ มีบรรดาพรรคเกิดใหม่ พยายามเจาะฐานภาคใต้ จากเจ้าของพื้นที่เดิม และประสบความสำเร็จ จนมีสูตรรุกคืบภาคใต้ยังเป็นหมุดหมายของอีกหลายพรรค 

พรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) ที่เปิดตัวมาก่อนหน้านี้ ดึงตัว “นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ” อดีต ส.ส.พัทลุง ไปเป็นแม่ทัพแดนใต้ แม้ “นิพิฏฐ์” ยังไม่สามารถดูด “บิ๊กเนม” มาร่วมทีมได้มากนัก แต่ยังมีเวลาและโอกาส

"พรรครวมไทยสร้างชาติ" (รทสช.) ที่เพิ่งเปิดตัวล่าสุด ภายใต้การนำของ “เดอะตุ๋ย” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค

 หน้าฉากวันเปิดตัวพรรค 3 ส.ค. มีอดีตขุนพลแดนสะตอ มานั่งเก้าอี้กรรมการบริหารพรรค อาทิ วิทยา แก้วภราดัย อดีต ส.ส. นครศรีธรรมราช วิสุทธิ์ ธรรมเพชร นายก อบจ.พัทลุง 

ส่วนชื่อของ ถาวร เสนเนียม อดีต ส.ส. สงขลา แม้จะถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง แต่การมาเปิดตัวร่วมกับรวมไทยสร้างชาติ ย่อมทำให้สงขลา สั่นสะเทือน

สำหรับฉากหลัง “พีระพันธุ์” สามารถจบดีล ส.ส.ประชาธิปัตย์ในพื้นที่ภาคใต้ เข้าร่วมพรรคได้จำนวนหนึ่ง แต่ที่แห่กันมาไม่น้อยคือ อดีตผู้สมัคร ส.ส.ที่ประกาศแยกทาง เพราะไม่ลงรอยกับขั้วอำนาจปัจจุบัน

โดย “พีระพันธุ์” ประกาศเป้าหมายหวังชัยชนะในภาคใต้ทุกเขตโดยส่งสัญญาณว่า ยังมีส.ส.ที่เปิดดีลจ่อไหลเข้ามาอีกเพียบ

การเปิดตัว “บิ๊กเนมภาคใต้” ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ย่อมอยู่ในสายตาของ 4 พรรคที่ขับเคี่ยวกัน แย่ง ส.ส. ภาคใต้ในการเลือกตั้งปี 2562 ทั้ง ประชาธิปัตย์ พลังประชารัฐ ภูมิใจไทย ประชาชาติ

หัวหอกประชาธิปัตย์ อย่าง “อู๊ดด้า” จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี รมว.พาณิชย์ มีโจทย์ใหญ่ที่ต้องทวงคืน ส.ส.ภาคใต้ ให้กลับมาได้มากที่สุด อย่างน้อยต้องไม่ต่ำกว่าครั้งที่ผ่านมา คือ 22 ที่นั่ง ไม่เช่นนั้นอาจจะโดนกระแสภายในพรรค กดดันให้ต้องแสดงความรับผิดชอบ

โดยมี “นายก ชาย” เดชอิศม์ ขาวทอง ส.ส. สงขลา สายตรง “เสี่ยต่อ” เฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ เลขาธิการพรรค เป็นแม่ทัพคู่ใจ 

ยุทธศาสตร์ของ “เดชอิศม์” ได้วางเครือข่ายการเมือง โดยใช้บริการ “คนรุ่นใหม่ปชป.” เข้ายึดหัวหาดในหลายพื้นที่ เป้าหมายอยู่ที่ 3 จังหวัด คือ สงขลา (9 ที่นั่ง) นครศรีธรรมราช (9 ที่นั่ง) สุราษฏร์ธานี (7 ที่นั่ง) รวม 25 ที่นั่ง ที่หวังกวาดยกจังหวัด หากพลาดก็ต้องเสียเก้าอี้ให้น้อยที่สุด

ส่วนพื้นที่จังหวัดอื่น ที่ยังพอมี “ว่าที่ผู้สมัคร” ที่มีเครือข่ายเหนียวแน่น โดยเฉพาะ พังงา (2 ที่นั่ง) ถิ่นของหัวหน้าพรรค ต้องปิดประตูแพ้ให้ได้

ขณะที่ "พรรคพลังประชารัฐ" รองแชมป์ภาคใต้ มี “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรค อาสาคุม ส.ส. - ผู้สมัคร ส.ส. ภาคใต้ด้วยตัวเอง โดยหวังโกยให้ได้มากกว่า 13 ที่นั่ง

เป้าหมายคือการตรึงพื้นที่เดิมเอาไว้ ด้วยตัวเลข 13 + 1 ที่นั่ง พร้อมทั้งขยายฐาน รุกคู่แข่งในทุกพื้นที่

จุดขายของพลังประชารัฐ ในภาคใต้คือกระแสของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ชื่อของ “ประยุทธ์” ในพื้นที่ภาคใต้ ยังขายได้ แถมขายดีกว่าชื่อของ “จุรินทร์”เสียด้วยซ้ำ

ยิ่งมีภาพจงรักภักดี ซึ่งเป็นจุดแข็งที่คนใต้ชื่นชอบ หาก “ประยุทธ์” ยังปักธงกับพลังประชารัฐ โอกาสที่จะกอบโกย ส.ส.ภาคใต้ เข้าสภาได้มากกว่าเดิม ก็เป็นไปได้มาก

สำหรับ "พรรคภูมิใจไทย" มี “โกเกี๊ยะ” พิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เป็นหัวเรือใหญ่ มี “นาที รัชกิจประการ” อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ คอยคุมขุนพลระดับพื้นที่ ทำให้การเลือกตั้งปี 2562 ภูมิใจไทยโกย ส.ส. ภาคใต้ เข้าสภาถึง 8 ที่นั่ง พลิกความคาดหมาย จากปี 2554 ที่ได้มาเพียง 1 ที่นั่ง

จุดเด่นของภูมิใจไทย คือการทำพื้นที่มิติใหม่ เข้าถึงตัว “คนใต้” แบบใจถึงพึ่งได้ แถม “ท่อน้ำเลี้ยง” กระจายอย่างทั่วถึง ไม่มีค้างท่อ ทำให้บรรดา “หัวคะแนน” ยอมย้ายข้างมาซบ “พิพัฒน์-นาที” สร้างขั้วการเมืองในภาคใต้ขึ้นมาใหม่

ที่สำคัญบรรดาโครงการต่างๆ ของกระทรวงภายใต้กำกับดูแลของพรรคภูมิใจไทย จะผลิดอกออกผลในการเลือกตั้งครั้งหน้า ซึ่งในพื้นที่ของ ส.ส.พรรค มีหลายโครงการเดินหน้าไปมาก ทำให้กระแสนิยมของพรรคนี้เพิ่มขึ้นตามลำดับ การเลือกตั้งที่จะถึง จึงมีโอกาสลุ้นเก้าอี้ ส.ส.ภาคใต้ มากขึ้นกว่าเดิมเช่นกัน

ขณะที่ "พรรคประชาชาติ" ภายใต้การนำของ “วันมูหะมัดนอร์ มะทา” หัวขบวนกลุ่มวาดะห์ ยังโฟกัสฐานที่มั่น 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นหลัก ประกอบด้วย นราธิวาส 5 ที่นั่ง ปัตตานี 4 ที่นั่ง ยะลา 3 ที่นั่ง

เป้าหมายของ “วันนอร์-กลุ่มวาดะห์” ในพื้นที่ปลายด้ามขวาน ไม่มีโจทย์อื่น นอกจากกลุ่ม ส.ส.ทุกที่นั่ง เพื่อเป็นกองหนุนให้ “ขั้วฝ่ายค้าน” เพื่อเติมจำนวนมือในสภาให้พรรคเพื่อไทย มีโอกาสได้จัดตั้งรัฐบาล

ทั้งหมดคือ 5 เสือ 5 สิงห์ 5 พรรค ที่ต้องขับเคี่ยวกันแย่ง ส.ส. ภาคใต้ ที่มีอยู่ 58 ที่นั่ง โดยมี "รวมไทยสร้างชาติ" พรรคใหม่ล่าสุด ที่เข้ามาท้าชิงเจ้าของพื้นที่ อย่างไม่มีเกรงศักดิ์ศรี