“โฆษกเพื่อไทย”ฟันธงสูตรหาร500ทำตลาดซื้อขายนักการเมืองอัพค่าตัวพุ่ง

“โฆษกเพื่อไทย”ฟันธงสูตรหาร500ทำตลาดซื้อขายนักการเมืองอัพค่าตัวพุ่ง

“โฆษกเพื่อไทย”ฟันธงสูตรหาร500ทำตลาดซื้อขายนักการเมืองอัพค่าตัวพุ่ง ชี้ประชาชนเสียประโยชน์ ลั่นไม่หวั่น โพล “อุ๊งอิ๊ง” ยังนำโด่ง

น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. และโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า  พรรคเพื่อไทยขอยืนยันว่า การที่ประชุมสภาฯ มีมติเห็นด้วยกับสูตรคำนวณสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ โดยหาร 500  เป็นการกระทำที่ขัดต่อบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่1) พ.ศ.2564 มาตรา 91 อย่าง “จงใจ ชัดแจ้ง”  แสดงถึงเจตนาในการสืบทอดอำนาจของผู้มีอำนาจในปัจจุบัน  

ซึ่งหากสูตรการคำนวณนี้ถูกนำไปใช้จริงในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง  ความวุ่นวายทางการเมืองในประเทศไทยจะหนักหนารุนแรงกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้แน่นอน  เพราะจะเกิดการต่อรองแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ของพรรคการเมืองใหม่ๆ ที่จะมีให้เห็นมากขึ้นกว่าเดิม  เกิดการอัพราคาค่าตัว สร้างกลุ่มก้อนใหม่ๆ ขึ้นมาอีกมาก
 

“เชื่อว่าตลาดซื้อขายนักการเมือง จะเกิดขึ้นอย่างไม่อายประชาชน  สุดท้ายคนที่ไม่ได้ประโยชน์ใดจากเรื่องนี้คือพี่น้องประชาชน เพราะนักการเมืองที่ได้มาจากสูตรการคิดคำนวณแบบนี้มีที่มาจากการกระทำผิดรัฐธรรมนูญ เมื่อมีที่มาที่กระทำผิดกฎหมายสูงสุดของประเทศแล้ว  จึงไม่อาจยึดโยงกับประชาชนอย่างแท้จริงได้  ประชาชนเองก็คงไม่สามารถยอมรับได้เช่นกัน” 

อย่างไรก็ตามพรรคเพื่อไทยยืนยันเดินหน้าดำเนินการตามกฎหมายทุกช่องทางที่สามารถดำเนินการได้ เพื่อสกัดกั้นความเลวร้ายที่กำลังจะมาถึง ในขณะเดียวกันพรรคเพื่อไทยจะไม่หวั่นไหวต่อกระบวนการที่ “หวั่นกลัวแลนด์สไลด์” ของพรรคเพื่อไทยที่สะท้อนออกมาจากมติในสภา เรายังคงทำงานการเมืองต่อเนื่องเพื่อพี่น้องประชาชนด้วยการทยอยเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ทั่วประเทศ เพื่อให้ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ได้ลงพื้นที่ทำงานและสร้างความมั่นใจให้กับพี่น้องประชาชนได้อย่างเต็มที่  
 

น.ส.ธีรรัตน์ กล่าวต่อว่า ยืนยันว่าเราไม่หวั่นไหวต่อกระบวนการใดๆ ที่จ้องทำลายพรรคเพื่อไทยไม่ว่าจะด้วยวิธีการใด เพราะพรรคเพื่อไทยยังคงได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากประชาชนมากขึ้น สะท้อนได้จากคะแนนความนิยมของพี่น้องชาวอีสานผ่านอีสานโพลล่าสุดเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2565 ในคำถามที่ว่า ถ้ามีการเลือกตั้งใหม่ อยากให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรีเพื่อมาฟื้นฟูเศรษฐกิจ  พบว่ากลุ่มตัวอย่างสนับสนุนให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เป็นนายกรัฐมนตรี ในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 19.8%  จากเดิมอยู่ที่  10.7%  โดยทั้งคะแนนและอันดับดีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่มา 8 ปี ชาวอีสานให้มาที่ 14.4% เท่านั้น

“กี่สารพัดวิธีที่ผู้มีอำนาจหวังจะล้มทำลายพรรคเพื่อไทย  พี่น้องประชาชนรู้เห็นทุกอย่าง  อย่าดูถูกประชาชน  วันนี้พลเอกประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีที่มีแต่นั่งร้านเป็น ส.ว. 250  คนคอยดันหลังให้เท่านั้น แต่ประชาชนทั้งประเทศ ไม่ยอมรับท่านอีกต่อไป ต่อให้กติกาจะบิดเบี้ยว ต่อให้ท่านลงพื้นที่เพื่อหวังคะแนนเสียง ก็ไร้ความหมาย เพราะศรัทธาประชาชนติดลบไปแล้วจากการกระทำของท่านตลอด 8 ปีที่ผ่านมา” นางสาวธีรรัตน์ กล่าว