"คำนูณ" เชื่อ "ส.ว." โหวตผ่าน "ร่างพ.ร.บ.ฉีดจู๋ฝ่อ" 11 ก.ค.นี้

"คำนูณ" เชื่อ "ส.ว." โหวตผ่าน "ร่างพ.ร.บ.ฉีดจู๋ฝ่อ" 11 ก.ค.นี้

"คำนูณ" เผย ร่างพ.ร.บ.ป้องกันทำผิดซ้ำเกี่ยวกับเพศ-ความรุนแรง เข้าที่ประชุม "ส.ว." ถก วาระ2-3 วันที่ 11ก.ค.นี้ เชื่อ โหวตผ่านใช้บังคับได้ ถือเป็นการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมครั้งใหญ่ ชี้ "ฉีดจู๋ฝ่อ" ต้องศาลสั่ง ผู้ทำผิดต้องยินยอม

นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.มาตราการป้องกันการกระทำผิดซ้ำในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง พ.ศ. … กล่าวว่า ในการประชุมวุฒิสภาวันที่ 11 ก.ค.จะมีการพิจารณาร่างกฎหมายฉบับนี้ในวาระ 2 และ3 หลังจากคณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว โดยเชื่อว่าสมาชิกวุฒิสภาจะโหวตเห็นชอบให้ออกมาบังคับใช้ได้ อันจะเป็นการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมครั้งใหญ่

“ร่างกฎหมายมี 43 มาตรา กรรมาธิการแก้ไขเพิ่มเติม 12 มาตรา มีกรรมาธิการสงวนความเห็น5 มาตรา ไม่มีสมาชิกวุฒิสภายื่นคำแปรญัตติ หากสภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบด้วยก็จะไม่มีการตั้งกรรมาธิการร่วม 2 สภา กฎหมายก็จะมีผลบังคับใช้ได้ในไม่ช้า”

นายคำนูณ กล่าวต่อไปว่าสาระสำคัญของร่างกฎหมายฉบับนี้คือ เพิ่มมาตรการดำเนินการแก่ผู้กระทำผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรงตามที่ระบุไว้ ทั้งระหว่างที่เป็นนักโทษเด็ดขาด และที่พ้นโทษออกมาแล้ว รวมทั้งสิ้น 4 มาตรการ คือ (1) มาตรการแก้ไขฟื้นฟูฯ (2) มาตรการเฝ้าระวังฯ (3) มาตรการคุมขัง และ (4) มาตรการคุมขังฉุกเฉิน ทั้งนี้ มาตรการแรกใช้กับนักโทษเด็ดขาดที่ต้องคำพิพากษาอยู่ในเรือนจำ 3 มาตรการต่อมาใช้กับนักเรียนเด็ดขาดที่พ้นโทษออกมาแล้ว โดยใช้ได้รวมกันไม่เกิน 10 ปี

หนึ่งในมาตรการแก้ไขฟื้นฟูฯคือมาตรการทางการแพทย์ รวมถึงการใช้ยา ซึ่งหมายความถึงการใข้ยาเพื่อกดฮอร์โมนเพศชายด้วย ทำใหมีการเรียกร่างกฎหมายฉบับนี้ว่ากฎหมายฉีดไข่ฝ่อหรือกฎหมายฉีดจู๋ฝ่อด้วย แต่จะใช้ได้ต้องเป็นคำสั่งศาล และผู้กระทำความผิดต้องยินยอมจึงไม่ใช่จะใช้กันง่าย ๆ

นายคำนูณ ยังได้สรุปภาพรวมของการใช้มาตรการต่าง ๆ ในร่างกฎหมายไว้โดยย่อดังนี้

- อัยการยื่นศาลขอใช้ ‘มาตรการทางการแพทย์’ พร้อมคำฟ้องต่อผู้ทำผิดได้เลย

- ศาลออกคำสั่งใช้มาตรการในคำพิพากษาและระบุในหมายจำคุก

- กรมราชทัณฑ์เป็นผู้ดำเนินการ

- แพทย์อย่างน้อย 2 คนต้องเห็นพ้องต้องกัน

- ถ้าจะใช้ ‘ยา’ นักโทษเด็ดขาดต้องยินยอม

- ผลของการใช้มาตรการฯจะนำมาใช้พิจารณาลดโทษ/พักโทษ/ปล่อยตัวก่อนกำหนดตามคำพิพากษา

- ทั้งนี้ยังมีมาตรการเฝ้าระวัง คุมขัง และคุมขังฉุกเฉิน หลังพ้นโทษออกมารวมแล้วไม่เกิน 10 ปี

- มีผลย้อนหลังครอบคลุมคดีที่เกิดขึ้นก่อนกฎหมายนี้มีผลใช้บังคับ

นายคำนูณกล่าวทิ้งท้ายว่าคณะกรรมาธิการของวุฒิสภาได้กลั่นกรองร่างกฎหมายฉบับนี้อย่างรอบคอบโดยยึดหลักสร้างดุลยภาพระหว่างวิธีการเพื่อความปลอดภัยของสังคมและหลักสิทธิมนุษยชนตามรัฐธรรมนูญและตามปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนที่สหประชาชาติยึดถือ

“หลักการที่ให้มีผลย้อนหลัง เพราะผู้ร่างไม่ถือว่ามาตรการทางการแพทย์หรือมาตรการแก้ไขฟื้นฟูอื่น ๆ เป็นโทษทางอาญา แต่ถือเป็นมาตรการที่เป็นคุณต่อผู้กระทำความผิดทางเพศหรือความผิดรุนแรงที่ระบุไว้จนติดเป็นนิสัย ควบคุมตัวเองไม่ได้ จะเรียกว่าเป็นการุณยมาตรการก็ได้”