“ประวิตร” คิดการใหญ่ เลือกตั้ง อัพไซส์ พปชร.

“ประวิตร” คิดการใหญ่ เลือกตั้ง อัพไซส์ พปชร.

น่าสนใจว่า “พลังประชารัฐ” จะยิ่งใหญ่ในการเลือกตั้งอย่างที่หัวหน้าพรรควาดหวัง หรือจะโดนหมัดน็อกแลนด์สไลด์คว่ำคาเวที ตรงนี้จะเป็นบทสรุปว่า จะกลับมาผงาด หรือถึงเวลาต้องยอมรับความจริง

เริ่มเห็นการขยับอย่างเป็นทางการ สำหรับพรรคพลังประชารัฐ ที่เตรียมเดินสายโรดโชว์ 10 เวทีทั่วประเทศ เพื่อปลุกกระแส และโปรโมตผลงานของพรรค

บรรดาองคาพยพที่รายล้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค ต่างพยายามหาที่ยืนให้ตัวเอง จะได้ไม่หลุดขบวนในการเมืองกระดานถัดไป

ช่วงที่ผ่านมา จึงเห็นความเคลื่อนไหวของ “นฤมล ภิญโญสินวัฒน์” เหรัญญิกพรรค ในฐานะคนใกล้ชิด พล.อ.ประวิตร เริ่มขยับออกมาโชว์ภูมิ ชี้แนะการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ในช่วงข้าวยากหมากแพงเป็นระยะ

พอจะคาดเดาได้ว่า นฤมล คงเห็นช่องทางที่จะสร้างบทบาทให้ตัวเองในการเป็นมือเศรษฐกิจให้พลังประชารัฐ คอยคิดแคมเปญนโยบายใช้สู้เลือกตั้งครั้งต่อไป เพราะลองกวาดตามองคนในพรรคขณะนี้ แทบไม่มีมือเศรษฐกิจ ที่ฝากผีฝากไข้ได้ แม้แต่คนเดียว

การมุ่งสู่การเป็นมือเศรษฐกิจของพลังประชารัฐ สำหรับนฤมล คงไม่ใช่เรื่องยากเย็น เพราะมีพล.อ.ประวิตร หนุนหลังอยู่ทั้งคน ตอนผลักดันให้เป็น รมช.แรงงาน งานนั้นยากกว่านี้ ยังทำกันมาได้

ความน่าสนใจอีกอย่าง คือ ภายในพรรคพลังประชารัฐเอง แกนนำแต่ละกลุ่มก็ไม่ได้เหนียวแน่นกว่าแต่ก่อน ยังมีการแบ่งกลุ่มก๊วนเหมือนเดิม เพียงแต่ไม่มีคนที่เป็นเชื้อไฟ ทำให้สถานการณ์ปะทุดุเดือดเหมือนที่ผ่านมา

ความไม่เป็นเอกภาพ สะท้อนจากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นมาก็คือ แกนนำในพรรคส่วนหนึ่ง เริ่มโยนหินถามทาง เรื่องการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ว่าไม่ควรเสนอชื่อ “พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา” เพียงชื่อเดียว เนื่องจากเสียงตอบรับของชาวบ้านหลายพื้นที่ ค่อนข้างเป็นไปในทางลบ 

การเพิ่มชื่อ พล.อ.ประวิตร หรือคนอื่นๆ เป็นแคนดิเดตนายกฯ ให้เต็มโควตา จึงน่าจะดีกว่า จะได้ช่วยกันโกยคะแนนเสียง

รวมถึงการเตรียมนโยบายเศรษฐกิจ หลายคนอดเป็นห่วงไม่ได้ว่า ชื่อชั้นของนฤมลจะถึงขั้นจริงหรือไม่ และจะทำงานร่วมกับรัฐมนตรีของพรรคได้หรือไม่ เพราะถือว่าอยู่กันคนละขั้วกับหลายคน

คลิปวีดิโอล่าสุด ที่นฤมลนำเสนอเรื่องแก้ปัญหาเศรษฐกิจ หลายช่วงในนั้นยังมีภาพของ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ร่วมเฟรม เป็นจำนวนมาก ทั้งที่ตอนนี้ ไปเป็นหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทยแล้วยิ่งตอกย้ำว่า “นฤมล” ยังเป็นแขนขาในอีกพรรคหรือไม่ อย่างไร

ที่สำคัญ เส้นทางของนฤมลไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ นอกจากจะขับเคี่ยวกับนักการเมืองตัวเก๋า ยังต้องฟาดฟันกับ 2 สตรีอีกด้วย คนหนึ่ง ใกล้ชิด “พล.อ.ประวิตร” และอีกคนใกล้ชิด“พล.อ.ประยุทธ์”

แม้จะมีกระแสข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ กลับมาใช้บริการ นฤมล เพื่อทำงานบางอย่าง แต่ใครที่อ่านเกมออกก็รู้ว่า กำลังยืมมือ ใช้ให้ออกแรงแทนเท่านั้น ด้วยติดปัญหาเรื่องความไว้ใจหรือไม่

นอกจากนั้น สิ่งที่สร้างความแปลกใจให้ลูกพรรคอย่างมาก คือ Mindset ของพล.อ.ประวิตร ที่บอกกลางวงประชุม ส.ส. เมื่อช่วงปลาย มิ.ย.ที่ผ่านมา และมั่นใจว่าพลังประชารัฐจะยังได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดี มีโอกาสจะกวาดส.ส.ได้ไม่ต่ำกว่า 150 ที่นั่ง โดยเปรียบเทียบการเลือกตั้งครั้งก่อน ที่ตั้งพรรคมาได้ประมาณ 2 เดือน ได้ ส.ส.กว่า 100 คน แล้วทำงานมา 4 ปี มีผลงานมากมาย จะไม่ได้ 150 เสียงได้อย่างไร

“ครั้งหน้า ใครที่อยู่กับเราได้ ใครที่ได้ข่าวว่าจะย้ายพรรค จะว่าอย่างไร” พล.อ.ประวิตร ทิ้งท้ายด้วยการตั้งคำถามดักทาง ส.ส.ลูกพรรคในที่ประชุม 

จนมีเสียงวิจารณ์ตามมามากมายทั้งในและนอกพรรคว่า ตรรกะของ พล.อ.ประวิตร สะท้อนว่าอาจไม่เข้าใจการเมือง 

การที่พรรคการเมืองพรรคหนึ่งจะได้ ส.ส.จำนวนเท่าไหร่ ไม่ได้กำหนดจากจำนวนปีของพรรคที่ตั้งมา ไม่เช่นนั้น พรรคการเมืองที่ตั้งมาหลายสิบปี คงได้ส.ส.เป็นร้อยเป็นพันไปแล้ว ซึ่งความจริงก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะยังมีปัจจัยอื่นๆ อีกมากมายที่เป็นองค์ประกอบ

เส้นทางข้างหน้าของพลังประชารัฐ ภายใต้การนำของ พล.อ.ประวิตร ที่คิดการใหญ่อัพไซส์พรรค ด้วยการปั๊มตัวเลข ส.ส. โดยไม่มองบทเรียน และแก้ไขข้อบกพร่องที่ผ่านมา คิดแค่ว่าตัวเองสามารถบริหารจัดการได้ มองทุกอย่างในพรรคดีไปหมด แม้เสียงยี้ข้างนอกจะดังระงมจนส.ส.หลายคนรู้สถานการณ์ดีว่า ขืนอยู่ต่อจะพบกับอะไร

น่าสนใจว่า “พลังประชารัฐ” จะยิ่งใหญ่ในการเลือกตั้งอย่างที่หัวหน้าพรรควาดหวัง หรือจะโดนหมัดน็อกแลนด์สไลด์คว่ำคาเวที ตรงนี้จะเป็นบทสรุปว่า จะกลับมาผงาด หรือถึงเวลาต้องยอมรับความจริง