"ชัยวุฒิ" ชี้ ยกเว้น Capital Gain Tax เอื้อสตาร์ทอัพ เกิดมูลค่า ศก. 7.9 แสนล้าน

"ชัยวุฒิ" ชี้ ยกเว้น Capital Gain Tax เอื้อสตาร์ทอัพ เกิดมูลค่า ศก. 7.9 แสนล้าน

"ชัยวุฒิ" เผย มาตรการยกเว้นภาษี Capital Gain Tax ตามมติ "ครม." เอื้อ สตาร์ทอัพไทย-เทศ ร่วมทุนด้านเทคโนโลยี เสริมสร้างเศรษฐกิจ สร้างงานสร้างรายได้ ก่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ เกือบ 8 แสนล้าน

ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติมาตรการยกเว้นภาษี (Capital Gain Tax) เป็นเวลา 10 ปีแก่นักลงทุนไทยและต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในดิจิทัลสตาร์ทอัพไทยภายใต้ 12 อุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยจะต้องถือหุ้นไม่น้อยกว่า 24 เดือนตามที่ กระทรวงการคลัง โดย กรมสรรพากร เสนอซึ่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 750) พ.ศ.2565 (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการระดมทุนในวิสาหกิจเริ่มต้น) ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 มิ.ย.65 นั้น

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผยว่า การยกเว้นภาษีเงินได้ของบุคคลธรรมดา และบริษัทหรือห้างหุ้นส่วน นิติบุคคลในบางกรณี หรือที่เรียกว่าการยกเว้นภาษี Capital Gain Tax ซึ่งในอดีตนักธุรกิจที่ลงทุนในบริษัท ห้างหุ้นส่วนต่างๆ เมื่อมีการขายหุ้นแล้วหุ้นมีกำไรก็ต้องมีการเสียภาษี Capital Gain 15% ซึ่งอันนี้เป็นภาระทำให้การลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพเกิดขึ้นได้ยาก เพราะไม่อยากเสียภาษีตัวนี้กัน ก็หนีไปลงทุนที่ต่างประเทศทำให้การลงทุนในด้านสตาร์ทอัพในประเทศไทยไม่เติบโตเท่าที่ควร 

นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ปัจจุบันจึงได้มีการออกพระราชกฤษฎีกายกเว้นภาษี Capital Gain Tax ซึ่งส่งผลดีต่อสตาร์ทอัพสัญชาติไทย นักลงทุนก็จะมาตั้งกองทุนที่เรียกว่า Venture Capital หรือVC เป็นธุรกิจร่วมลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพทางด้านเทคโนโลยีสมัยใหม่ และเทคโนโลยีดิจิทัลซึ่งจะเป็นธุรกิจสำคัญที่จะเสริมสร้างเศรษฐกิจให้เติบโต และสร้างงานสร้างรายได้ให้กับพี่น้องประชาชนในประเทศไทยต่อไป

“จากการประเมินของสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย คาดว่ามาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการระดมทุนในสตาร์ทอัพจะกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในสตาร์ทอัพไทยมากกว่า 3.2 แสนล้านบาทภายในปี 2569 เกิดการจ้างงานเพิ่มกว่า 4 แสนตำแหน่ง และก่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 7.9 แสนล้านบาท ซึ่งจะเป็นประโยชน์ที่เห็นได้ชัดจากการยกเว้นภาษีCapital Gain Tax” รมว.ดีอีเอส ระบุ

นายชัยวุฒิ กล่าวว่า มาตรการยกเว้นภาษี Capital Gain Tax เกิดขึ้นโดยความร่วมมือระหว่างกรมสรรพากร กระทรวงการคลัง, สภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย, สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์, สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ, สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ และสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล(ดีป้า) จะขึ้นทะเบียนกำหนดกฎเกณฑ์ว่า บริษัท ลักษณะไหนที่เป็นสตาร์ทอัพ ที่จะได้รับการยกเว้นภาษี Capital Gain Tax เมื่อเรามีความชัดเจนเรื่องนี้มากขึ้น ต่อไปเราก็จะเหลือการลงทุนคณะลงทุนไทยและต่างชาติ ผ่านธุรกิจเงินร่วมลงทุน ที่เรียกว่า Venture Capital พอเงินลงทุนเหล่านี้เข้ามา ก็จะทำให้สตาร์ทอัพของสัญชาติไทยของเรามีการเติบโต มีเงินลงทุน สามารถพัฒนาธุรกิจให้แข็งแกร่งต่อไปได้ในอนาคต ซึ่งก็จะสร้างความเข้มแข็งภาคเศรษฐกิจในประเทศเราต่อไป