"ต่อพงษ์" ชี้ แก้สลากแพง ไม่ตรงจุด กระทบรายย่อย แนะ จัดการยี่ปั้วรายใหญ่

"ต่อพงษ์" ชี้ แก้สลากแพง ไม่ตรงจุด กระทบรายย่อย แนะ จัดการยี่ปั้วรายใหญ่

"ผู้ค้าสลาก" ร้อง "ไทยสร้างไทย" รับผลกระทบ จากมาตรการแก้สลากแพง ของรัฐบาล "ต่อพงษ์" ชี้ แก้ไม่ตรงจุด ทำรายย่อย ตกงานเพียบ ย้ำ ต้องแก้ที่ยี่ปั้วรายใหญ่ ตั้งโต๊ะกว้านซื้อ-รวบชุด แนะ จับตา เพิ่ม2แสนสิทธิ์ โปร่งใส เอื้อพวกพ้องผู้มีอำนาจหรือไม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการลงพื้นที่ อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ุ ประธานพรรคไทยสร้างไทย และนายต่อพงษ์ ไชยสาส์น ประธานคณะกรรมการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มีผู้ค้าสลากรายย่อย เข้ามาร้องเรียนปัญหาความเดือดร้อนโดยระบุถึงมาตรการแก้ไขปัญหาหวยแพงของรัฐบาล โดยการขายผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งส่งผลต่อพ่อค้าแม่ขายรายย่อย ที่รับสลากต่อมาเป็นมือที่ 3 หรือ มือที่ 4 ราคาจึงเกินใบละ 80 บาท บางรายจำเป็นต้องขายในราคาใบละ 100 บาท เพื่อให้พอมีกำไรสามารถอยู่ได้

แต่เมื่อประชาชนสามารถเลือกซื้อ สลากออนไลน์ได้ แม่ค้าพ่อขายรายย่อย จึงเป็นกลุ่มผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ขายยากขึ้น เงียบเหงามาก หลายชั่วโมงกว่าจะได้สักหนึ่งใบ พี่น้องผู้ค้าสลากรายย่อย จำใจรอประเมินสถานการณ์ก่อนถึงวันออกรางวัลงวดนี้ หากสลากยังเหลืออยู่เป็นจำนวนมากคงต้องตัดใจขายขาดทุนใบละ 50-80 บาท และในงวดต่อๆ ไปก็อาจพิจารณายุติการขายเพราะไม่สามารถแบกต้นทุนหวยที่แพงได้อีก

ทั้งนี้ นายต่อพงษ์ ระบุว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นต้องการผู้บริหารที่มีความรู้ความเข้าใจ มีวิสัยทัศน์และเข้าถึงปัญหาที่แท้จริงว่าต้นเหตุของสลากแพงเป็นเพราะเหตุใด เพราะแนวทางที่รัฐกำลังดำเนินการขณะนี้ ส่งผลกระทบต่อผู้ค้าสลากรายย่อยที่หาเช้ากินค่ำ เพราะรัฐแก้ปัญหาไม่ตรงจุด การแก้ไขปัญหาโดยไม่สนใจผู้ค้ารายย่อยเช่นนี้ จะทำให้ผู้ค้ารายย่อยตกงานอีกเป็นจำนวนมากอย่างแน่นอน

นายต่อพงษ์ ระบุอีกว่า ต้นตอของปัญหา สังคมทราบดีว่าเกิดจากความสัมพันธ์ระหว่างสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลกับยี่ปั๊วรายใหญ่ที่มีความสนิทสนมกันหรือไม่ รวมถึงยังมีปัญหากลุ่มยี่ปั้วได้ส่งนอมินีแปลงร่างเป็นผู้ค้ารายย่อย ตั้งโต๊ะรับซื้อรวบชุดสลากไปขายได้เหมือนเดิมทั้งหมดคือต้นทางของปัญหา ที่รัฐต้องแก้ไขไม่ใช่ไปใช้วิธีการตัดวงจรการทำมาหากินของคนตัวเล็กที่เป็นผู้ค้ารายย่อย

ส่วนอีกประเด็นที่สำคัญ คือการเพิ่มสิทธิ์การซื้อการจองสลากกินแบ่งรัฐบาล ผ่านธนาคารกรุงไทยให้กับผู้ค้าสลากรายย่อยรวม 2 แสนสิทธิ์นั้น ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่าผู้ที่ได้รับสิทธิ์นั้นมีรายชื่อบุคคลใดบ้าง กระบวนการเหล่านี้มีความโปร่งใสมากน้อยเพียงใด และการเพิ่มสิทธิ์ครั้งนี้จะกลายเป็นการจัดสรรสลากให้กับพวกพ้องคนใกล้ชิดผู้มีอำนาจในรัฐบาลอีกหรือไม่ สังคมคงต้องร่วมกันตรวจสอบต่อไป