ป.ป.ช.ซุ่มชี้มูล “รมช.ศึกษาฯ-พ่อ” รุกป่า ชง อสส.-ศาลฎีกาฟันผิดจริยธรรม

ป.ป.ช.ซุ่มชี้มูล “รมช.ศึกษาฯ-พ่อ” รุกป่า ชง อสส.-ศาลฎีกาฟันผิดจริยธรรม

ป.ป.ช.ซุ่มเงียบชี้มูลผิด “กนกวรรณ วิลาวัลย์” รมช.ศึกษาธิการ พร้อม “สุนทร” นายก อบจ.ปราจีนบุรี ปมสนับสนุน จนท.รัฐ บุกรุกป่าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ส่งสำนวนคดีอาญาไป อสส.แล้ว โดนผิดจริยธรรมร้ายแรงส่ง ศาลฎีกาเชือดซ้ำรอย “ปารีณา” ด้วย

เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. 2565 ที่ผ่านมา มีรายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แจ้งว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลนายสุนทร วิลาวัลย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ปราจีนบุรี และ นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ แกนนำพรรคภูมิใจไทย กับพวก กรณีบุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ในเขต จ.ปราจีนบุรี 

โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลเจ้าหน้าที่รัฐจำนวนหลายคนที่เกี่ยวข้องกับการออกโฉนดที่ดิน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151 ฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ มีอัตราโทษสูงสุดคือ จำคุกตลอดชีวิต

นส่วนของนายสุนทร และนางกนกวรรณ ถูกชี้มูลว่า มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151 และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 86 ฐานสนับสนุนการกระทำความผิด โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้สำนวนไปยังอัยการสูงสุด (อสส.) แล้ว เพื่อให้พิจารณาส่งฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบต่อไป

นอกจากนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช.ยังมีมติชี้มูลความผิดนางกนกวรรณ ฐานฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงจากกรณีดังกล่าวด้วย เนื่องจากดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี โดยในส่วนของโทษฝ่าฝืนจริยธรรมนั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช.จะส่งศาลฎีกาพิจารณาเพิกถอนออกจากตำแหน่งด้วย

รายงานข่าวจากสำนักงาน ป.ป.ช.แจ้งอีกว่า กรณีของ นางกนกวรรณเมื่อส่งไปยังศาลฎีกาแล้ว หากศาลฎีกาประทับรับฟ้อง ศาลจะเป็นผู้พิจารณาว่าจะต้องให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ทันทีหรือไม่ คล้ายกับคดีของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ อดีต ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจากเมื่อต้นปี 63 ชุดปฏิบัติการศูนย์การประสานการปฏิบัติ (ศปป.) ที่ 4 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ภายใต้การอำนวยการของอธิบดีกรมป่าไม้ ได้รับแจ้งว่ามีการนำรถแบ็กโฮ 3 คัน เข้าไปขุดปรับพื้นที่บนเนินเขาและใช้รถดันต้นไม้ล้มเป็นบริเวณกว้าง ซึ่งบริเวณที่เกิดเหตุอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จ.ปราจีนบุรี และจากการตรวจสอบตำแหน่งที่ตั้งของโฉนดที่ดินมีชื่อของนายสุนทรและนางกนกวรรณเป็นผู้ครอบครอง จากนั้นเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ ข้อหาบุกรุกอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่น เข้ายึดถือครองป่าเพื่อตนเอง และทำให้เสื่อมสภาพ ก่อนที่ต่อมาจะมีการส่งเรื่องมาให้ ป.ป.ช.ไต่สวนต่อ เนื่องจากเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเจ้าหน้าที่รัฐและผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง