ครบรอบ 2 ปี “วันเฉลิม” กับชีวิตที่ถูก “บังคับให้สูญหาย”

วันนี้เมื่อสองปีที่แล้วคงไม่มีใครไม่รู้จักนักกิจกรรมชื่อ “วันเฉลิม” ที่ลี้ภัยอยู่ในประเทศกัมพูชา หลังจากหายออกไปจากที่พักในช่วงเย็นของวันที่ 4 มิ.ย. 2563 จนกลายเป็นบุคคลที่ถูก “บังคับสูญให้หาย” มาจนถึงทุกวันนี้
เมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. วันที่ 4 มิ.ย. 2563 หรือเมื่อสองปีที่แล้ว “วันเฉลิม” หรือ นายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ชื่อเล่นว่า "ต้าร์" นักกิจกรรมและนักวิชาการชาวไทย ที่ลี้ภัยทางการเมืองไปยังประเทศกัมพูชา ได้หายไปจากคอนโดแห่งหนึ่งในกรุงพนมเปญ ซึ่งเชื่อว่าเป็นที่พักของเขา
ก่อนหน้านี้ทางครอบครัวของวันเฉลิมที่ยังอยู่ในเมืองไทยระบุว่า มีตำรวจไปตรวจสอบบริเวณบ้านแม่ของเขาอยู่หลายรอบ นอกจากนั้นยังมีคนท้องถิ่นในกัมพูชาเข้ามาพูดกับเขาว่า “อันตรายนะ มีคนตามหาตลอดเวลา”
หลังจากนั้นวันเฉลิมได้หายตัวไปขณะที่กำลังคุยโทรศัพท์กับพี่สาว โดยประโยคสุดท้ายที่พี่สาวได้ยินคือ “โอ๊ย หายใจไม่ออก” ต่อมาก็ไม่มีใครสามารถติดต่อเขาได้อีกเลย
ก่อนหน้านั้นวันเฉลิม มีหมายจับตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เมื่อปี 2561 กรณีแชร์และโพสต์ข้อความในโซเชียลมีเดีย
หลังจากวันเฉลิมหายตัวไป ต่อมาในวันที่ 7 มิ.ย.2563 นางสาวสิตานัน สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ พี่สาวของวันเฉลิม ออกแถลงการณ์ในนามของครอบครัวเพื่อเรียกร้องให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องรวมทั้งองค์กรนานาชาติเข้ามีส่วนร่วมในการสืบสวนกรณีของ "วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์" โดยมีใจความในภาพรวมว่า
“มีความรู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่งที่วันเฉลิม หรือต้าร์ ได้ถูกลักพาตัวโดยการถูกบังคับให้สูญหาย (EnforcedDisappearance) ในประเทศกัมพูชาเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 4 มิถุนายน 2563 เวลา 17.00 น. โดยประมาณ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างอุกอาจท่ามกลางประชาชนจํานวนมาก บริเวณหน้าที่พักของวันเฉลิม จนถึงนาทีนี้เป็นเวลากว่า 65 ชั่วโมงแล้ว ยังไม่มีใครทราบชะตากรรมที่กําลังเกิดขึ้นกับเขา และขอให้ผู้ที่ก่อเหตุได้โปรดปล่อยตัววันเฉลิมกลับคืนมาเถิด พวกเราจะตั้งตารอคอยอย่างไม่คิดที่จะสิ้นหวัง ขอเพียงเขากลับมาได้อย่างปลอดภัย พวกเราหวังว่าการอุ้มหายหรือการถูกบังคับให้สูญหายในครั้งนี้จะเป็นกรณีสุดท้ายที่เกิดขึ้น”
แต่แล้วยังไม่มีการเคลื่อนไหวจากภาครัฐ หรือการขอความช่วยเหลือจากประเทศเพื่อนบ้าน จนเกิดความเคลื่อนไหวในประเทศไทยเพื่อ "ตามหาวันเฉลิม"
สำหรับเหตุผลที่ทำให้ "วันเฉลิม" จำต้องลี้ภัยไปยังประเทศต่างๆ เป็นเวลา 6 ปี เนื่องจากเขาแสดงจุดยืนทางการเมืองที่ไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหาร การปกครองภายใต้ทหาร และการยึดอํานาจ ทําให้เขาต้องถูกไล่ล่าและกลั่นแกล้งอย่างไม่เป็นธรรมด้วยการออกหมายจับและยกเลิกหนังสือเดินทาง รวมถึงการคุกคามอื่นๆ
จนเวลาล่วงเลยไปถึง 5 เดือน ที่วันเฉลิมหายตัวไป ในวันที่ 4 พ.ย. 2563 มีการแถลงจากครอบครัวอีกครั้งใจความว่า สมาชิกในครอบครัวรวมไปถึงเพื่อนของวันเฉลิม ยังไม่ได้รับการติดต่อใดๆ จากคนร้ายที่ลักพาตัววันเฉลิมไป และไม่ทราบว่าเขามีชะตากรรมอย่างไร จึงทำให้เชื่อว่าการถูกลักพาตัวครั้งนี้ไม่ใช่การเรียกค่าไถ่
นอกจากนั้นการดำเนินการต่างๆ ค่อนข้างยากลำบางเนื่องจากเกิดการระบาดของโรคโควิด ทำให้การติดต่อกันระหว่างประเทศทำได้ยากขึ้น โดยทางครอบครัววันเฉลิมระบุด้วยว่า ได้ยื่นเรื่องเพื่อฟ้องศาลให้มีการสืบสวนสอบสวนผ่านทางระบบตุลาการในประเทศกัมพูชานับตั้งแต่เดือนสิงหาคมแล้ว
ต่อมากลุ่มองค์กร หรือนักกิจกรรมต่างๆ ออกมารวมตัวกันเพื่อกดดันให้รัฐบาลรีบคลี่คลายคดี "วันเฉลิม" และเร่งตามหาให้พบตัววันเฉลิมโดยเร็วที่สุด ซึ่งหลายฝ่ายต่างเห็นว่า ไม่ควรมีการอุ้มหาย หรือการบังคับให้สูญหาย เกิดขึ้นได้อีก
จนมาถึงในวันนี้เหตุการณ์ที่ “วันเฉลิม” พบเจอและจำเป็นจะต้องกลายเป็นบุคคลที่ “บังคับให้สูญหาย” ผ่านมาเป็นเวลาสองปี หลายคนอาจลืมเลือนไปบ้าง แต่ครอบครัวและเพื่อนของเขายังจดจำได้ดี
นอกจากนี้ยังจะมีการจัดงานเพื่อวันเฉลิมโดย Amnesty International Thailand ซึ่งมีการเชิญชวนให้ร่วมกันส่งเสียงในฐานะ “เพื่อน” ของวันเฉลิม ด้วยการส่งภาพถ่ายหรือภาพวาดของเขา ผ่านแฮชแท็ก #2ปีเราไม่ลืมวันเฉลิม และ #เราคือเพื่อนวันเฉลิม เพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้กับเขาและครอบครัวอีกครั้ง และเพื่อแสดงจุดยืนในการร่วมส่งเสียงในการเป็นส่วนหนึ่งของการยุติการบังคับบุคคลให้สูญหาย
กิจกรรมดังกล่าวจะจัดแสดงในงาน “นินทาสักนิด มิตรวันเฉลิม” ที่เหล่า “เพื่อน” จะร่วมกันเล่าเรื่องวันเฉลิม ในวันอาทิตย์ 4 มิถุนายน 2565 ที่สวนครูองุ่น ทองหล่อ ในเวลา 16.00 – 21.00 น.
นอกจาก “วันเฉลิม” มีใครบ้างที่ถูก “บังคับให้สูญหาย” ?
กรณีของวันเฉลิมนั้นไม่ใช่คนแรกๆ ที่ถูกหายตัวไปอย่างไม่มีสาเหตุ ก่อนหน้านี้มีอีกหลายคนที่หายตัวไปอย่างลึกลับ และยังไม่สามารถค้นหาคำตอบได้จนถึงวันนี้ จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ เริ่มบันทึกตั้งแต่ปี 2490 เป็นต้นมา มีบุคคลที่ถูกบังคับให้สูญหายเท่าที่ทราบ ดังนี้
- ส.ส. เตียง ศิริขันธ์ พ.ศ. 2495
- ส.ส. พร มะลิทอง พ.ศ. 2497
- หะยีสุหรง โต๊ะมีนา พ.ศ. 2497
- ทนง โพธิ์อ่าน พ.ศ. 2534
- ทนาย สมชาย นีละไพจิตร พ.ศ. 2547
- กมล เหล่าโสภาพันธ์ พ.ศ. 2550
- บิลลี่ พอละจี รักจงเจริญ พ.ศ. 2557
- สุรชัย แซ่ด่าน พ.ศ. 2561
- สหายกาสะลอง พ.ศ. 2562
- สหายภูชนะ พ.ศ. 2562
- วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์ พ.ศ. 2563
บุคคลที่ถูกบังคับให้สูญหายทั้ง 11 คนนั้น บางคนหายไปอย่างไร้ร่องรอย โดยที่ไม่มีใครทราบชะตากรรมอีกเลย บางคนถูกพบว่าเสียชีวิตอย่างปริศนาหรือในสภาพที่ผิดปกติ ตลอด 84 ปี จากการบันทึกนั้นมีผู้คนที่เป็น พ่อ แม่ ลูก เพื่อน พี่ น้อง ที่ถูกพรากไปจากครอบครัวถึง 11 คน ทำให้ในปัจจุบันผู้คนในสังคมเริ่มหันมาให้ความสนใจกับเรื่องนี้มากขึ้น รวมถึงไม่อยากให้เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นในสังคมไทยอีก
อ้างอิงข้อมูล : กรุงเทพธุรกิจ , Amnesty International Thailand , สถาบันปรีดี พนมยงค์






