“ดอน”พบ“เจ้าชายฟัยศ็อล”เตรียมยกเว้นวีซ่าไทย-ซาอุฯ

“ดอน”พบ“เจ้าชายฟัยศ็อล”เตรียมยกเว้นวีซ่าไทย-ซาอุฯ

“ดอน”พบ“เจ้าชายฟัยศ็อล”เตรียมยกเว้นวีซ่าไทย-ซาอุฯ รับสั่งจะเสด็จฯเยือนไทย มิ.ย.นี้ จ่อตั้งเอกอัครราชทูตไทยประจำซาอุฯช่วงไตรมาสสาม จัดสรรโควตาแรงงานไทย 200,000 ตำแหน่ง

นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรี รมว.ต่างประเทศ ซึ่งอยู่ระหว่างเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการ พร้อมด้วยตัวแทนภาครัฐและภาคธุรกิจไทย ให้สัมภาษณ์หลังหารือกับเจ้าชายฟัยศ็อล บิน ฟัรฮาน อัลซะอูด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ว่าได้ข้อยุติในเรื่องร่างแผนการขับเคลื่อนและส่งเสริมความร่วมมือทวิภาคีไทย-ซาอุฯ และร่างบันทึกความเข้าใจการจัดตั้งสภาความร่วมมือซาอุดี-ไทย ซึ่งจะเป็นกลไกในการขับเคลื่อนความร่วมมือระหว่างกัน โดยจะมีรัฐมนตรีต่างประเทศของทั้ง 2 ฝ่ายเป็นประธาน

นอกจากนี้ยังเห็นพ้องในหลักการที่จะให้มีการจัดทำความตกลงยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทาง (วีซ่า) ทางการทูตและราชการระหว่างกัน ขณะที่ฝ่ายซาอุฯ รับที่จะไปพิจารณาดำเนินการในเรื่องการให้ความช่วยเหลือ 800 คนไทยที่อยู่ในซาอุฯ เกินวีซ่าด้วย

“เจ้าชายฟัยศ็อลตรัสว่าจะเสด็จฯ เยือนไทยในช่วงเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อเตรียมการสำหรับการเสด็จฯ เยือนไทยของเจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด มกุฎราชกุมาร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมซาอุฯ ต่อไป ” นายดอน กล่าว และว่า ในส่วนของการแต่งตั้งเอกอัครราชทูตไทยประจำซาอุฯ นั้นน่าจะเกิดขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้
 

นายดอน ยังกล่าวถึงการหารือกับเจ้าชายฟัยศ็อล บิน ฟัรฮาน อัลซะอูด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวว่า การเดินทางไปมาหาสู่ระหว่างกันเป็นหนึ่งในสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังการฟื้นความสัมพันธ์ ขณะนี้ฝ่ายซาอุฯ ได้มีการเปิดเที่ยวบินตรงมายังประเทศไทยแล้ว และเชื่อว่าชาวซาอุฯ จะเดินทางไปยังประเทศไทยไม่น้อย ขณะที่ฝ่ายซาอุฯ ก็อยากเห็นคนไทยเดินทางไปท่องเที่ยวที่ซาอุฯ เช่นกัน ซึ่งถือเป็นความร่วมมือระหว่างกันที่เป็นรูปธรรมอย่างหนึ่ง

นายดอน กล่าวว่า การเดินทางเยือนครั้งนี้มี 2 เป้าหมายหลัก ประการแรกคือการสรุปร่างแผนการขับเคลื่อนและส่งเสริมความร่วมมือทวิภาคีไทย-ซาอุฯ ประการที่สองคือการเชื่อมโยงภาคเอกชนทั้งสองฝ่ายเข้าด้วยกัน เพราะการเดินทางมากันเองอาจไม่เกิดผลเท่าที่ต้องการ อย่างการจัดประชุมด้านการลงทุนของภาคธุรกิจที่กระทรวงการลงทุนของซาอุฯ เป็นเจ้าภาพก็ได้ทราบจากนายคาหลิด อับดุลอะซีซ อัลฟาลิฮ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการลงทุนว่า มีผู้สนใจมาเข้าร่วมเป็นจำนวนมากจนกระทั่งต้องปิดรับผู้มาเข้าร่วมงานดังกล่าว
 

สำหรับการหารือกับคาหลิดก่อนหน้านี้ นายดอนกล่าวว่า นายคาหลิดถึงกับออกปากว่าซาอุฯ มีความกระหายอยากที่จะกระชับและเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ เชื่อว่าภาคเอกชนที่ได้ร่วมเดินทางมาในทริปนี้คงได้ประโยชน์ไม่น้อยเพราะมีโอกาสได้รับข้อมูลด้วยตนเอง แม้แต่กลุ่มที่ไม่ได้มาก็น่าจะได้ประโยชน์เช่นกัน เพราะจะมีการนำข้อมูลต่างๆ ที่ไปแจ้งให้ทราบต่อไป หลังจากนี้ความร่วมมือสองฝ่ายก็จะมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น

นายดอน กล่าวด้วยว่า ซาอุฯ มีความต้องการแรงงานไทยมากโดยเฉพาะในช่วงเวลานี้ที่เขามีการลงทุนในการสร้างสถานที่และโครงการต่างๆ เป็นจำนวนมาก ทราบว่ามีตำแหน่งงานด้านก่อสร้างรวมถึงงานบริการที่เกี่ยวข้องอย่างน้อย 500,000 ตำแหน่ง ซึ่งคิดว่าจะมีการจัดโคต้าให้กับแรงงานไทยประมาณ 200,000 ตำแหน่ง แต่ก็ขึ้นกับว่าเรามีแรงงานให้เขาได้ครบถ้วนตามที่ต้องการหรือไม่ เพราะซาอุฯ มีความรู้สึกที่ดีกับแรงงานไทย

“ในภาพใหญ่ของการเดินทางคราวนี้เป็นการเดินทางที่มาจากการเตรียมการที่ดี ความพร้อมของทั้งสองฝ่ายค่อนข้างมาก ซึ่งแสดงให้เห็นว่าต่างมีความมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าต่อไปในการสานสัมพันธ์ เพื่อให้เกิดประโยชน์เต็มที่ในทุกๆ ด้าน ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนใน 65 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย-ซาอุฯ เนื่องจากทั้งสองฝ่ายมีวิสัยทัศน์ที่ตรงกัน มีความปรารถนาที่ตรงกัน และมีความอยากให้เกิดผลลัพธ์ที่พร้อมเพรียงกันด้วย” นายดอน กล่าว