"ผู้ประกอบการ" ร้อง "นายกฯ" ไฟเขียว ผับ บาร์ คาราโอเกะ เปิด ทั่วประเทศ 1ก.ค.นี้

"ผู้ประกอบการ" ร้อง "นายกฯ" ไฟเขียว ผับ บาร์ คาราโอเกะ เปิด ทั่วประเทศ 1ก.ค.นี้

"ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวบันเทิง" ยื่นหนังสือ ถึง "นายกฯ" ประกาศ "โควิด" โรคประจำถิ่น เปิดประเทศเต็มรูปแบบ เลิก "พ.ร.ก.ฉุกเฉิน-พ.ร.บ.โรคติดต่อ" ไฟเขียว เปิด ผับ บาร์ คาราโอเกะ ทั่วประเทศ ที่ได้มาตรฐาน SHA Plus 1ก.ค.นี้

ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล นายสง่า เรืองวัฒนกุล นายกสมาคมผู้ประกอบธุรกิจถนนข้าวสาร   เป็นตัวแทนนำเครือข่ายกลุ่มผู้ประกอบกรธุรกิจท่องเที่ยวและบริการร้านค้า ร้านอาหาร สถานบริการ ผับ บาร์ คาราโอเกะ ประกอบด้วย สมาคมผู้ประกอบธุรกิจถนนข้าวสารสมาคมอุตสาหกรรมบันเทิงและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา สมาคมผู้ประกอบการร้านอาหารสมาคมการค้าธุรกิจร้านอาหาร สมาคมการค้าธุรกิจร้านอาหารกลางคืน สมาคมธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไทย และสมาคมบาร์เทนเดอร์ไทย รวม 231 ราย ยื่นหนังสือผ่านนายมงคลชัย สมอุดร รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อส่งถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เพื่อฟื้นฟู และบูรณาการการพัฒนาการท่องเที่ยวครบวงจร ปลอดภัย และยั่งยืน ส่งเสริมศักยภาพ การแข่งขันของการท่องเที่ยวไทยในระดับภูมิภาค ของกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและบริการ ร้านค้า ร้านอาหาร สถานบริการ ผับ บาร์ คาราโอเกะ

นายสง่า กล่าวว่า จากการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคของรัฐอย่างเคร่งครัด ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อผู้ประกอบการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรการปิดกิจการ จำกัดการเดินทาง จำกัดเวลา และรูปแบบกิจการกิจกรรม และจำกัดจำนวนคน รัฐบาลมีเป้าหมายการประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่นตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2565 และได้ดำเนินการปรับปรุงมาตรการและข้อจำกัดการเดินทางเข้าราชอาณาจักร การปรับระดับพื้นที่สถานการณ์เหลือเพียงพื้นที่เฝ้าระวังสูงและพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว และการขยายเวลาการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารจนถึง 24.00 น. นั้น ถือเป็นการดำเนินการสำคัญในการประกาศความพร้อมของประเทศไทยต่อการเปิดรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก และส่งผลให้เกิดการกระตุ้นการบริโภคและการเพิ่มการจับจ่ายใช้สอยของนักท่องเที่ยวและผู้บริโภคภายในประเทศ 

นายสง่า กล่าวว่า ทางเครือข่ายฯ ขอให้ยืนยันการประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่นทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2565 พร้อมเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ โดยพิจารณาการบูรณาการการใช้กฎหมายปกติ อย่างมีประสิทธิภาพ โดยขอให้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และพ.ร.บ.โรคติดต่อ เพราะการคง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะกระทบต่อการซื้อประกันของนักท่องเที่ยว ส่วนหากยังมีพ.ร.บ.โรคติดต่อ จะทำให้คนจะไม่กล้าเข้าประเทศ 

นอกจากนี้ ขอให้ยกเลิกมาตรการลงทะเบียนใน Thailand Pass สำหรับผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทยในทุกช่องทาง รวมถึงประชาสัมพันธ์เป็นการล่วงหน้าก่อนการเปิดประเทศเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและจูงใจให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงและกลุ่มไมซ์ (MICE: Meeting, Incentive, Conventions and Exhibitions) กลับมาเยือนประเทศไทยอีกครั้ง รวมถึงอนุญาตให้เปิดกิจการสถานบริการ ผับ บาร์ คาราโอเกะ ที่ได้รับรองมาตรฐานSHA Plus หรือ Thai Stop COVID 2 Plus และผ่านการตรวจประเมินโดยคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร หรือคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด โดยระยะทดลอง ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. 2565 เฉพาะในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว 28 จังหวัด โดยแบ่งเป็นเปิดให้บริการได้ทั่วทุกพื้นที่  16 จังหวัด และเปิดในบางพื้นที่ 12 จังหวัด รวมทั้งเปิดดำเนินการทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2565 เป็นต้นไป เชื่อว่าหากภาครัฐเห็นด้วยกับข้อเสนอที่นำเสนอในวันนี้ จะช่วยเรียกความเชื่อมั่นในภาคธุรกิจท่องเที่ยวของประเทศให้กลับคืนมาเข้มแข็งได้อีกครั้ง จึงอยากให้รัฐบาลเห็นใจผู้ประกอบการกลุ่มนี้ด้วย

นายสง่า กล่าวว่า เมื่อเปิดประเทศแล้วก็ควรจะเปิดสถานบันเทิงต่างๆ เพราะธุรกิจสถานบันเทิงกลางคืน เป็นตัวชูโรงหนึ่งที่นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาประเทศไทย ดังนั้น เราต้องชิงส่วนแบ่งเค้กด้านการท่องเที่ยวจากประเทศอื่นให้เร็วที่สุด