“ศิธา” เล็งเปลี่ยน “กองขยะอ่อนนุช” เป็นสวนสาธารณะ ดันพื้นที่สีเขียวใน กทม.

“ศิธา” เล็งเปลี่ยน “กองขยะอ่อนนุช” เป็นสวนสาธารณะ ดันพื้นที่สีเขียวใน กทม.

“ศิธา” โชว์วิสัยทัศน์เปลี่ยนพื้นที่ “กองขยะอ่อนนุช” เป็นสวนสาธารณะ เล็งใช้พื้นที่รกร้างใต้ทางด่วนให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี เข้าไปสร้าง “พื้นที่สีเขียว" เพิ่มพื้นที่ 2.34 ล้าน ตรม./ปี

เมื่อวันที่ 2 พ.ค.2565 น.ต.ศิธา ทิวารี ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) เบอร์ 11 พรรคไทยสร้างไทย แถลงข่าวถึงนโยบายการเปลี่ยนพื้นที่รกร้างที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ ทั้งในส่วนของภาครัฐ เช่นหน่วยงานราชการ ค่ายทหาร โรงเรียน ให้เป็นพื้นที่สีเขียวว่า จะประสานกับภาคเอกชน เพื่อให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี แลกเปลี่ยนกับการเข้าไปใช้พื้นที่ของเอกชน ที่ยังเป็นพื้นที่รกร้าง เพื่อนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยเฉพาะการเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ทั้งที่อยู่ในทะเบียนราษฎร์ และนอกทะเบียนราษฎร์ ปัจจุบันประเมินว่า สัดส่วนของพื้นที่สีเขียวที่สามารถใช้งานได้จริง มีเพียง 1.7 ตารางเมตรต่อคนเท่านั้น 

“จะขอเพิ่มพื้นที่สีเขียวมาจากทั้งภาครัฐและเอกชน เริ่มจากเพิ่มพื้นที่สีเขียวในเขตสีเทา เช่นในพื้นที่เขตธนบุรี สัมพันธวงศ์ ดินแดง วังทองหลาง จอมทอง พญาไท บางซื่อ บางกอกใหญ่ วัฒนา และบางกอกน้อย การใช้งบประมาณในการพัฒนาพื้นที่สีเขียว จะต้องกระจายตัวไปทั้ง 50 เขต หากดูตัวเลขในปัจจุบันจะพบว่างบประมาณในการพัฒนาพื้นที่สีเขียวมีการกระจุกตัว ทำให้ความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงพื้นที่สีเขียว เช่น งบประมาณในเขตพระนคร ป้อมปราบศัตรูพ่าย ปทุมวันและเขตบางรัก ได้รับงบประมาณรวมถึง 5,356 ล้านบาท แต่สำหรับพื้นที่ของเขตอื่น ๆ เช่นโครงการก่อสร้างสวนสาธารณะเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวของ กทม. ได้รับงบรวมเพียง 20 ล้านบาทเท่านั้น” น.ต.ศิธา กล่าว

น.ต.ศิธา กล่าวอีกว่า หากได้เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จะขอคิดต่างเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวจากทั้งภาครัฐและภาคเอกชน จากเป้าหมายเดิมของกรุงเทพฯปี 2565 ต้องการเพิ่มพื้นที่สีเขียว 423,984 ตารางเมตร ให้เป็น2.34ล้านตารางเมตร ต่อปี และพี่น้องชาวกรุงเทพฯทุกคนจะต้องสามารถเข้าถึงพื้นที่สาธารณะสีเขียวได้ในระยะ 400 เมตร โดยเพิ่มจาก 13% เป็น 20% โดยต้องมีกลไกในการจัดการพื้นที่ที่ดี เช่นโรงขยะที่อ่อนนุชซึ่งส่งกลิ่นเหม็น และเกิดกรณีพิพาทกับชาวบ้านโดยรอบในรัศมีหลายกิโลเมตร โดยขณะนี้ได้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้โรงขยะหยุดดำเนินกิจการ กทม.ควรปรับเปลี่ยนพื้นที่ดังกล่าวให้เป็นสวนสาธารณะ และย้ายโรงขยะออกไปนอกเมือง หรือใช้ภาคเอกชนเข้ามาบริหารจัดการ

น.ต.ศิธา กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันเมืองขยายตัวออกไปมาก ย่านอ่อนนุชคือใจกลางเมือง ไม่ใช่ชานเมืองเหมือนในอดีต ผู้ว่า กทม.ควรคิดนอกกรอบ ไม่ควรติดยึดในค่านิยมเดิมๆว่าอ่อนนุชคือที่ทิ้งขยะอีกต่อไป กทม. จะต้องประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและนำพื้นที่รกร้างใต้ทางด่วน มาปรับเป็นพื้นที่สีเขียว รวมถึงการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีกับเอกชน เพื่อนำพื้นที่ที่เอกชนเป็นเจ้าของแต่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ นำมาปรับเปลี่ยนและสร้างพื้นที่สีเขียวให้ประชาชนสามารถใช้งานได้จริง ซึ่งทั้งหมดคือการคิดต่างเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับคน กทม.