“ประยุทธ์”พบประชาชนฟื้นเรตติ้ง โชว์"ประวิตร" ขาดน้อง-พี่จะรู้สึก

“ประยุทธ์”พบประชาชนฟื้นเรตติ้ง   โชว์"ประวิตร" ขาดน้อง-พี่จะรู้สึก

ต้องรอดูการลงพื้นที่ของ พล.อ.ประยุทธ์ ก่อนการเปิดสมัยประชุมสภาฯ จะยิ่งถี่ยิบขึ้น เพื่อโชว์ให้ “พี่ป้อม” ได้รู้ว่า หากขาด “น้องตู่” แล้วพี่จะรู้สึก

จู่ๆ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็ผุดโปรแกรมลงพื้นที่สงขลา-พัทลุง เมื่อ 25 เม.ย.ที่ผ่านมา หนีบขุนพลข้างกาย “สุชาติ ชมกลิ่น” รมว.แรงงาน “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ติดสอยห้อยขบวนไปด้วย

สะท้อนให้เห็นว่า “พล.อ.ประยุทธ์” ที่ฐานเสียงในสภาฯ แทบไม่มี ต้องการโชว์พลังให้เห็นว่า คะแนนนิยมในพื้นที่ยังพอมีอยู่ โดยเฉพาะพื้นที่ภาคใต้

เสียงกรี๊ด-เสียงเชียร์ จากชาวสงขลา-พัทลุง ไร้มวลชนจัดตั้ง ส่วนใหญ่มาด้วยใจ มาด้วยรัก ภาพชาวบ้านเข้าโอบกอดพูดคุยนายกฯ ประยุทธ์  จึงดูเป็นธรรมชาติ เรียกความมั่นใจให้เจ้าตัวมากยิ่งขึ้น

ผลการเลือกตั้งซ่อม สงขลา-ชุมพร เมื่อช่วงต้นปี การันตีได้อย่างชัดเจนว่า คะแนนนิยมของ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ลดน้อยถอยลง แม้พรรคพลังประชารัฐจะพ่ายการเลือกตั้งทั้ง 2 เขต แต่เป็นเพราะพลังประชารัฐเลือกที่จะชูผลงาน และแบรนด์ "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในการหาเสียง

ต่างไปจากพรรคร่วมรัฐบาล อย่างพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ทั้งที่ไม่ได้เสนอ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แต่ “ขุนพลแดนสะตอ” อ่านกระแสออก-ดูกระแสเป็น จึงใช้แผนตลบหลัง เชิด “พล.อ.ประยุทธ์” ขึ้นมาเป็นตัวชูโรง ผลจึงออกมาอย่างที่รู้กัน ประชาธิปัตย์กวาดเรียบ ชนะแบบขาดลอย

ทำเอา “ผู้กองมนัส” เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐขณะนั้น ซึ่งคอยบัญชาเกมการเมืองให้ “พล.อ.ประวิตร” ต้องเสียหน้า เสียเครดิตอย่างหนัก เนื่องจาก ร.อ.ธรรมนัส ยืนยันกับ พล.อ.ประวิตร ตลอดเวลาว่า กระแสของนายกฯประยุทธ์ ลดน้อยถอยลงมาก

จะว่าไปแล้ว ศึกเลือกตั้งซ่อม สงขลา-พัทลุง หากมองในเชิงยุทธศาสตร์ เปรียบมวยให้ถูกคู่ ก็ถือเป็นศึกวัดคะแนนนิยมของพี่น้อง 2 ป. “พล.อ.ประยุทธ์” กับ “พล.อ.ประวิตร” ส่วนพรรคพลังประชารัฐ และพรรคประชาธิปัตย์ เป็นเพียงมวยแทนในสนามเลือกตั้งเท่านั้น ผลที่ออกมา พล.อ.ประยุทธ์ คว้าชัยไปแบบชิลๆ

เมื่อการเมืองกำลังกลับมาระเบิดศึกกันอีกครั้ง ในการเปิดสมัยประชุมสภาฯ ตั้งแต่ 22 พ.ค.นี้ สารพัดเกมการเมืองจะถาโถมเข้าใส่ พล.อ.ประยุทธ์ อย่างต่อเนื่อง หลักพิงเดียวที่พอมีเหลือ คือเสียงสนับสนุนจากประชาชน ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องเร่งจังหวะโชว์พลังให้ พล.อ.ประวิตร พี่ใหญ่ได้คิดพิเคราะห์

เพราะหากพลังประชารัฐ ไม่มีนายกฯของพรรค ชื่อ “พล.อ.ประยุทธ์” คะแนนนิยมที่ส่วนใหญ่มาจากชื่อของ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นหลัก พรรคจะเดินต่อไปได้หรือไม่

ดังนั้น หากจะมียุทธการล้ม “พล.อ.ประยุทธ์” ในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ เกิดขึ้นอีกครั้ง ท่ามกลางกระแสข่าว “นายกฯสำรอง” ฝ่ายก่อการ รวมถึงนักเลือกตั้งในพลังประชารัฐอาจต้องคิดหนัก เพราะหาก พล.อ.ประยุทธ์ ไปต่อไม่ได้ อายุของรัฐบาลใหม่จะเหลือเพียง 7-8 เดือนเท่านั้น

หากไม่มี “พล.อ.ประยุทธ์” อยู่ในรายชื่อแคนดิเดตพรรคพลังประชารัฐ ชะตาของ “ประวิตร-พปชร.” ไม่ต้องพึ่งหมอดูก็รู้ว่า โอกาสแพ้การเลือกตั้งให้ขั้วตรงข้ามมีสูงอย่างแน่นอน

มิหนำซ้ำทุกวันนี้ คนที่บัญชาการเกมการเมืองให้ พล.อ.ประวิตร ก็ยังเป็นลูกน้องรายเดิม ที่ยังพยายามปฏิบัติการด้อยค่านายกฯให้ฟังทุกมื้ออาหาร ว่าในพื้นที่ภาคอื่น ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ขายไม่ได้ ไม่เป็นที่ยอมรับ ผลงานรัฐบาลไม่เป็นที่ประจักษ์ โดยเฉพาะพื้นที่ภาคอีสาน หากพลังประชารัฐยึดไม่ได้ โอกาสที่จะเข้าวินได้จัดตั้งรัฐบาลย่อมมีน้อย

ว่ากันว่า “พล.อ.ประวิตร” ก็ค่อนข้างคล้อยตามข้อมูลเหล่านี้ไม่น้อย เหมือนครั้งที่เชื่อข้อมูลครั้งเลือกตั้งซ่อม จนตัดสินใจใช้ยุทธศาสตร์ชูแบรนด์ตัวเอง ในหาเสียงเลือกซ่อมสงขลา-ชุมพร ที่พ่ายยับ

เช่นเดียวกับท่าทีของ “โทนี่” ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่จับจังหวะการเมือง รู้ทันเกมของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ฉวยจังหวะลงพื้นที่เก็บแต้ม โชว์พลังทางการเมือง จึงออกมาด้อยค่า ดิสเครดิตทางอ้อมอีกแรง

ระดับ “ทักษิณ” มองออกว่า หลังเปิดสมัยประชุมสภาฯ “พล.อ.ประวิตร” กับ “พล.อ.ประยุทธ์” มีโอกาสจะกระทบกระทั่งกันอีก

แม้จะไม่ใช่สงครามที่ “2 ป.” ออกหมัดชกกันโดยตรง แต่เครือข่ายคนข้างกายที่ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาอำนาจ อีกฝ่ายหนึ่งต้องการขึ้นครองอำนาจแทน ย่อมหนีไม่พ้นการเปิดศึกสู้กันเอง

ยิ่ง “พล.อ.ประวิตร” ส่งสัญญาณ “นายกฯสำรอง” กลับไปกลับมา แม้จะอ้างภายหลังว่าไม่ตั้งใจพูด ออกมุกโทษสื่อเขียนไปเอง แต่ก็เก็บอาการไม่อยู่ ยังออกลูกกั๊ก พูดให้เกิดความตีความ

ทำให้ “ทักษิณ” ได้ทีเสี้ยม “2 ป.” กล่าวโทษคนข้างกาย “พล.อ.ประยุทธ์” ว่า “คนโง่” และส่งสัญญาณว่า คนข้างกาย “พล.อ.ประวิตร” ฉลาดหลักแหลมกว่า

จากนี้ ต้องรอดูการลงพื้นที่ของ พล.อ.ประยุทธ์ ก่อนการเปิดสมัยประชุมสภาฯ จะยิ่งถี่ยิบขึ้น เพื่อโชว์ให้ “พี่ป้อม” ได้รู้ว่า หากขาด “น้องตู่” แล้วพี่จะรู้สึก