อีกราย! "วิทยา" อดีตแกนนำกปปส. ทิ้งปชป. จี้กก.บห.รับผิดคดี"ปริญญ์"

อีกราย! "วิทยา" อดีตแกนนำกปปส. ทิ้งปชป. จี้กก.บห.รับผิดคดี"ปริญญ์"

ทิ้งปชป.อีกราย! "วิทยา แก้วภราดัย" ยื่นหนังสือไขก๊อก ทิ้งบอมบ์ "กก.บห." พา "ปริญญ์"เข้าพรรค จี้โชว์สปิรัิตลาออกทั้งชุด

นายวิทยา แก้วภราดัย อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์หลายสมัย เปิดเผยว่า ตนได้ยื่นลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ต่อเจ้าหน้าที่พรรคเรียบร้อยแล้วเมื่อช่วงเช้าวันนี้ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ตนยังไม่ได้เรียนให้นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ได้รับทราบด้วยตัวเอง แต่ได้ฝากนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ไปแจ้งต่อนายชวนให้รับทราบแล้วเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา

สำหรับสาเหตุที่ตัดสินใจลาออกครั้งนี้นั้น ตนอยู่พรรคการเมืองมาหลายพรรค แต่อยู่กับพรรคประชาธิปัตย์นานที่สุดในชีวิตการเมือง ที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์หลายอย่างขึ้นพรรค โดยเฉพาะกรณีนายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ที่สร้างความเสียหายให้กับพรรค ตนอยากให้กรรมการบริหารพรรคแสดงความรับผิดชอบ และแสดงสปิริตกับเรื่องที่เกิดขึ้นให้มากกว่านี้ เพราะเรื่องมาตรฐานจริยธรรมต้องสูงกว่ากฎหมาย พรรคไม่ผิด แต่มีคนผิด

ดังนั้นต้องมีคนรับผิดชอบ เนื่องจากกรรมการบริหารพรรคชุดนี้เป็นคนชักจูงนายปริญญ์เข้ามาอยู่ในพรรค ถือเป็นความรับผิดชอบทางการเมืองต่อประชาชน จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ ถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงก็จะไม่เหลือพรรค แต่อย่างไรก็ตามส่วนตัวยังคงรักพรรคประชาธิปัตย์

ซึ่งตนพร้อมกลับมาหากมีการเปลี่ยนแปลง และขอย้ำว่าการตัดสินใจลาออกครั้งนี้เป็นเรื่องภาพลักษณ์ และความรู้สึกของประชาชนล้วนๆ ไม่เกี่ยวกับว่าพรรคจะไม่ส่งตนลงผู้สมัครส.ส.นครศรีธรรมราช เพราะตนมีชื่อลงสมัครอยู่แล้ว

พร้อมระบุว่า อย่าให้พรรคช้ำจนไม่เหลือชื่อประชาธิปัตย์  ถ้าไม่เปลี่ยนก็จะไม่เหลือพรรค คำว่าประชาธิปัตย์ไม่ได้เป็นแบบนี้ เพราะเราถูกสอนมาว่าต้องรู้จักรับผิดชอบต่อสังคม และความรู้สึกของประชาชน ไม่ใช่เกาะเกี่ยวเหนียวติดอยู่กับตำแหน่ง ตนถูกฝึกมาอย่างนั้น พรรคเป็นของทุกคน พรรคก็เป็นของตน แต่ต้องหาคนรับผิดชอบให้ได้ เมื่อไม่มีใครรับผิดชอบตนต้องเลือกปกป้องพรรค

ส่วนการกล่าวแบบนี้ หมายความว่าผู้บริหารพรรคควรแสดงสปิริตลาออกทั้งคณะ เพื่อแสดงความรับผิดชอบใช่หรือไม่ นายวิทยา ระบุว่า ควรคิดแบบนั้น เพราะพรรคถูกทำร้าย พรรคประชาธิปัตย์เป็นสถาบันการเมืองที่มีมายาวนาน

ตนอยากเห็นพรรคอยู่ต่อไปได้ แต่เมื่อคนในพรรคทำผิด  ผู้บริหารพรรคก็ต้องรับผิดชอบด้วย เพราะสมัยที่ตนเองเป็นรมว.สาธารณสุขก็เคยถูกพาดพิงก็แสดงความรับผิดชอบ ตนเป็นส.ส.มา 30 กว่าปี อยู่มาหลายพรรค และคิดว่าจะอยู่พรรคประชาธิปัตย์นานที่สุด ใครก็อิจฉา  แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ประชาชนที่เป็นเจ้าของพรรคจะคิดอย่างไร จึงเป็นสาเหตุทำให้ตัดสินใจลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคครั้งนี้

ส่วนได้ตัดสินใจหรือยังว่าจากนี้จะไปร่วมงานการเมืองกับพรรคไหนต่อไป นายวิทยา กล่าวว่า ส่วนตัวยังไม่ได้ตัดสินใจ ตอนนี้ขออยู่นิ่งๆก่อน แต่คิดว่าตัวเองยังมีน้ำยา ส่วนจะไปร่วมงานกับพรรคไหนต่อไปนั้น ตนมองว่าต้องเป็นคนที่พร้อมเสียสละเพื่อบ้านเมืองอย่างแท้จริง ทั้งนี้ยอมรับว่าที่ผ่านมาก็มีคนเข้ามาพูดคุยทาบทามไปร่วมงานด้วยหลายคน แต่ตนยังไม่ได้ตัดสินใจ เพราะคิดว่ายังไม่ถึงเวลาตัดสินใจ