DITTO ปั้น 'ดิจิทัล ทวิน' ประเดิมคว้าโปรเจกต์ กนอ. มูลค่า 143 ล้านบาท

นายฐกร รัตนกมลพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดิทโต้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เผยว่า DITTO ได้รับสัญญาจ้างจาก การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ กนอ. เพื่อพัฒนาระบบดิจิทัล ทวิน (Digital Twin) ระยะที่ 2 ภายใต้โครงการด้านศูนย์ฯ กลางนิคมอุตสาหกรรมอัจฉริยะครอบคลุมนิคมอุตสาหกรรมที่การนิคมฯ ดำเนินการเองทั้ง 13 แห่ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงาน มูลค่าโครงการ 143 ล้านบาท 

ภารกิจที่ DITTO ต้องดำเนินการคือ การพัฒนาระบบ ดิจิทัล ทวิน ระยะที่ 2 ต่อยอดจากระบบดิจิทัล ทวิน เดิมของนิคมฯ สมุทรสาครที่เป็นต้นแบบนำร่อง ซึ่งเสร็จเรียบร้อยแล้ว รวมถึงต่อยอดในนิคมอุตสาหกรรมที่เหลือทั้งหมดที่การนิคมฯ ดำเนินการเอง อีกทั้งนำระบบดิจิทัล ทวิน ต้นแบบนำร่องไปติดตั้งและให้บริการคลาวด์ที่มีดาต้าเซ็นเตอร์ ตั้งอยู่ในไทย จัดสรรทรัพยากร (IT Infrastructure) รองรับการให้บริการระบบดิจิทัล ทวิน

นอกจากนี้ยังจัดทำระบบ BIM Model (Building information Modeling) ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่มีประสิทธิภาพ สำหรับโครงสร้างระบบสาธารณูปโภคของการนิคมฯ จัดทำผังข้อมูลระบบบัญชีทรัพย์สินและสาธารณูปโภคที่สำคัญ รวมทั้งข้อมูลโรงงานอุตสาหกรรมที่เข้าร่วมโครงการในลักษณะโครงสร้างเชิงกายภาพ 3 มิติ จัดทำ BIM Model สำหรับสถานประกอบการของผู้ประกอบการในนิคมฯ ที่เข้าร่วมโครงการอย่างน้อย 10 แห่ง และต้องออกแบบการเชื่อมโยงระหว่างระบบของการนิคมฯ กับระบบ ดิจิทัล ทวิน ระยะที่ 2 อีกด้วย

นายฐกร กล่าวต่อไปว่า เทคโนโลยีดิจิทัล ทวิน Digital Twin คือการนำข้อมูลหรือพิมพ์เขียวของข้อมูลอาคารสูงขนาดใหญ่ โรงงานอุตสาหกรรม นิคมอุตสาหกรรม ข้อมูลการก่อสร้าง ระบบน้ำ ระบบไฟ รวมถึงข้อมูลของเมือง มาอยู่ในแพลตฟอร์มที่เป็นระบบดิจิทัลที่สามารถดูได้แบบ Real Time ตลอด 24 ชั่วโมง เมืองจากเดิมจะถูกบันทึกอยู่ในพิมพ์เขียว หรือเก็บในไฟล์คอมพิวเตอร์ทั่วไป ทั้งนี้หากโครงการเสร็จสมบูรณ์จะทำให้นิคมอุตสาหกรรมที่การนิคมฯ ดำเนินการเองทั้ง 13 แห่ง มีความทันสมัย การบริหารจัดการมีประสิทธิภาพ มีข้อมูลในการตัดสินใจได้อย่างแม่นยำทันกับการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีที่มีความก้าวหน้า พร้อมรองรับนักลงทุนจากต่างประเทศที่จะเข้ามาลงทุนในไทยได้ทันท่วงที ซึ่งจะสร้างประโยชน์ให้ประเทศได้อย่างมาก 

"จุดเริ่มต้นในการทำแพลตฟอร์ม ดิจิทัล ทวิน เป็นความร่วมมือกันระหว่าง DITTO ที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องเทคโนโลยี และซอฟต์แวร์ และ TEAMG ที่เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมมาพัฒนาร่วมกัน ทำให้เรามีศักยภาพมากขึ้นในการขยายไปสู่ธุรกิจอุตสาหกรรมต่างๆ ทั้ง คมนาคม ระบบสาธารณูปโภคต่างๆ อสังหาริมทรัพย์ รวมถึงเมือง เป็นต้น" นายฐกร กล่าว