Gen Z ประท้วงใหญ่ เตือนคนไทยในเนปาล ห้ามออกจากบ้าน ประกาศเคอร์ฟิว

อัปเดตสถานการณ์เนปาลเดือด หลังกลุ่ม Gen Z ลุกฮือประท้วงใหญ่ ปมเหตุ นโยบายห้ามใช้โซเชียลมีเดีย รัฐบาลเนปาล ห้ามออกจากบ้าน หากไม่จำเป็น - ประกาศเคอร์ฟิวในเมืองหลวง

ขณะที่ สถานทูตไทย ณ กรุงกาฐมาณฑุ ออกแถลงการณ์เตือนคนไทยในเนปาลในให้ระวังและงดเดินทางบางช่วงเวลาตามประกาศล่าสุด ส่วนสนามบิน ยังเปิดทำการ แต่ต้องเช็กเที่ยวบินให้ดี 

สถานการณ์ในกรุงกาฐมาณฑุ เมืองหลวงของประเทศเนปาล กำลังตึงเครียดขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังเกิดเหตุประท้วงครั้งใหญ่ที่นำโดยกลุ่มคนรุ่นใหม่อย่าง Gen Z โดยมีชนวนเหตุหลักมาจากมาตรการจำกัดการใช้โซเชียลมีเดีย ซึ่งจุดไฟความไม่พอใจจนนำไปสู่การปะทะกันอย่างรุนแรง ทำให้ทางการเนปาล ต้องประกาศใช้มาตรการฉุกเฉินเพื่อควบคุมสถานการณ์
 

ล่าสุดวันนี้ 12 กันยายน 2568 สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงกาฐมาณฑุ เปิดเผยผ่านเพจเฟซบุ๊ก "Royal Thai Embassy in Kathmandu" ระบุว่า อัปเดตสถานการณ์ล่าสุด ณ วันที่ 12 กันยายน 2568 

1. ล่าสุด ทางการเนปาลได้ออกประกาศคำสั่งห้ามออกนอกเคหสถานหากไม่มีเหตุจำเป็น (Prohibitory Order) และคำสั่งเคอร์ฟิว (Curfew) ในเขต Kathmandu, Lalitpur และ Bhaktapur

ทั้งนี้ ทางการเนปาลได้ผ่อนคลายมาตรการดังกล่าวเพิ่มขึ้นตามการประเมินสถานการณ์ด้านความมั่นคงล่าสุด โดยมีรายละเอียดโดยสรุป ดังนี้ 

1.1 คำสั่งห้ามออกนอกเคหสถานหากไม่มีเหตุจำเป็น (Prohibitory Order) 

วันที่ 12 กันยายน 2568 เวลา 11.00–17.00 น.

ช่วงเวลาที่อนุญาตให้สัญจรเพื่อภารกิจจำเป็น

• 12 กันยายน 2568 เวลา 06.00–11.00 น. 
• 12 กันยายน 2568 เวลา 17.00–19.00 น. 
   

1.2 คำสั่งเคอร์ฟิว (Curfew)

• วันที่ 12 กันยายน 2568 เวลา 19.00 น. – 13 กันยายน 2568 เวลา 06.00 น. 

1.3 สำหรับพื้นที่นอกหุบเขากาฐมาณฑุ (Kathmandu Valley) การบังคับใช้มาตรการความมั่นคงจะเป็นไปตามที่คณะกรรมการความมั่นคงของแต่ละเขตกำหนด 

2. ปัจจุบัน ท่าอากาศยานนานาชาติตรีภูวัน (Tribhuvan International Airport – TIA) เปิดทำการตามปกติ และสายการบินต่าง ๆ ได้กลับมาให้บริการแล้ว 

ขอให้คนไทยที่มีกำหนดการเดินทาง ติดต่อสายการบินของท่านเพื่อตรวจสอบและยืนยันเที่ยวบินล่วงหน้า รวมทั้งตรวจสอบหนังสือเดินทางและเอกสารการเดินทางให้พร้อมก่อนออกเดินทางไปสนามบิน 

ขอให้พี่น้องชาวไทยทุกท่าน หลีกเลี่ยงการเดินทางออกนอกเคหสถานในช่วงเวลาดังกล่าว และติดตามข่าวสารจากทางการเนปาลและสถานเอกอัครราชทูตฯ อย่างใกล้ชิด
 

อ้างอิง-ภาพ : Reuters