เปิดแผนจัดการน้ำ 4 เขื่อนหลัก รับมือฝนตกหนัก จาก 'พายุหนองฟ้า'

วันนี้ (1 ก.ย. 68) ณ กรมชลประทาน นายเดช เล็กวิชัย รองอธิบดีกรมชลประทาน เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ เพื่อประเมินสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำและแม่น้ำสายหลักต่างๆ ทั่วประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากพายุดีเปรสชัน “หนองฟ้า”

ภาพรวมสถานการณ์น้ำ

ปัจจุบัน อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศมีปริมาณน้ำรวมกัน 53,401 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็น 70% ของความจุ โดยยังสามารถรองรับน้ำได้อีกกว่า 23,105 ล้านลูกบาศก์เมตร

สำหรับ 4 เขื่อนหลักในลุ่มน้ำเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล, เขื่อนสิริกิติ์, เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน, และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกัน 18,651 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 75% ของความจุอ่างฯ ซึ่งยังสามารถรับน้ำได้อีก 6,220 ล้านลูกบาศก์เมตร
 

การบริหารจัดการน้ำในพื้นที่เสี่ยง

ลุ่มน้ำยม-น่าน

เนื่องจากเขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ มีปริมาณน้ำสูงถึง 86% ของความจุอ่างฯ ประกอบกับมีฝนตกหนักท้ายเขื่อน กรมชลประทานจึงได้ร่วมกับศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้า และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ปรับลดการระบายน้ำจากเดิม 50 ล้านลูกบาศก์เมตร/วัน เหลือ 33 ล้านลูกบาศก์เมตร/วัน เพื่อลดผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายน้ำ และจะพิจารณาปรับการระบายให้เหมาะสมกับสถานการณ์ต่อไป

ลุ่มน้ำป่าสัก

ที่ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมขัง กรมชลประทานได้ปรับลดการระบายน้ำจากทางตอนบนและเพิ่มการระบายผ่านเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์เพื่อรองรับน้ำที่จะไหลมาสมทบ พร้อมทั้งเตรียมเครื่องสูบน้ำไว้ช่วยเหลือประชาชน คาดว่าสถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติในไม่ช้า หากไม่มีฝนตกเพิ่มขึ้น

ลุ่มน้ำเจ้าพระยา

สถานีวัดระดับน้ำ C2 จ.นครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่านในอัตรา 1,628 ลูกบาศก์เมตร/วินาที และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น กรมชลประทานจึงเร่งรับน้ำเข้าระบบชลประทานทั้งสองฝั่ง และทยอยเพิ่มการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาให้ได้ในอัตรา 1,350 ลูกบาศก์เมตร/วินาที ภายในวันนี้ เพื่อรองรับน้ำจากทางตอนบนและฝนที่จะตกเพิ่มขึ้นในสัปดาห์นี้
 

เตรียมพร้อมรับมือฝนตกต่อเนื่อง

กรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์ว่าช่วงวันที่ 1 - 7 กันยายน 2568 ประเทศไทยยังคงมีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะภาคเหนือตอนล่าง กรมชลประทานจึงได้กำชับให้ทุกพื้นที่ปฏิบัติตาม 9 มาตรการรับมือฤดูฝนปี 2568 อย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งจัดเตรียมเครื่องจักรเครื่องมือประจำจุดเสี่ยง และประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแจ้งเตือนสถานการณ์น้ำให้ประชาชนรับทราบอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนให้ได้มากที่สุด ตามนโยบายของ นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์