'พายุหนองฟ้า' อ่อนกำลังลง เตือน 4 จังหวัดเสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แจ้งเตือน “พายุหนองฟ้า” ประชาชนใน 4 จังหวัด ได้แก่ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ สุโขทัย และ เลย ให้เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม หลัง พายุ อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง และเคลื่อนตัวเข้าปกคลุมภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

เมื่อเวลา 04.00 น. ของวันที่ 31 สิงหาคม 2568 พายุหนองฟ้า อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำ และเคลื่อนเข้าปกคลุมจังหวัดเลย คาดว่าจะเคลื่อนเข้าสู่พื้นที่ภาคเหนือ ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักถึงหนักมากและมีลมแรงในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 1 กันยายน 2568 ก่อนจะเคลื่อนตัวเข้าสู่ประเทศเมียนมา
 

ในเช้าวันเดียวกัน กรม ปภ. ได้ส่งข้อความแจ้งเตือนภัยผ่านระบบ Cell Broadcast ไปยังพื้นที่เสี่ยงภัยใน 4 จังหวัด ได้แก่

1. จังหวัดพิษณุโลก : อำเภอเนินมะปราง, อำเภอนครไทย, อำเภอวังทอง
2. จังหวัดเพชรบูรณ์ : อำเภอหล่มเก่า, อำเภอน้ำหนาว, อำเภอหล่มสัก
3. จังหวัดสุโขทัย : อำเภอบ้านด่านลานหอย, อำเภอเมืองสุโขทัย, อำเภอคีรีมาศ
4. จังหวัดเลย : อำเภอภูกระดึง

ขอให้ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวเตรียมยกสิ่งของขึ้นที่สูง ดูแลกลุ่มเปราะบางเป็นพิเศษ และติดตามข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด

เร่งอพยพประชาชนและจัดทำแนวป้องกันน้ำท่วม

กรม ปภ. ได้ประชุมติดตามสถานการณ์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสั่งการให้จังหวัดในพื้นที่เสี่ยงใช้กลไกในระดับท้องถิ่นแจ้งเตือนประชาชนให้ทราบถึงสถานการณ์ รวมถึงประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากพบว่าสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรงจนส่งผลกระทบต่อประชาชน ให้ดำเนินการอพยพไปยังพื้นที่ปลอดภัยทันทีโดยไม่ต้องรอให้เกิดเหตุการณ์
 

นอกจากนี้ ยังมีการเฝ้าระวังพื้นที่ท้ายน้ำและพื้นที่ที่อาจได้รับผลกระทบจากการระบายน้ำจากเขื่อน โดยมีการเตรียมพร้อมรับมวลน้ำ ติดตั้งเครื่องจักรกลสาธารณภัย และจัดทำแนวป้องกันน้ำท่วมในพื้นที่สำคัญ เช่น เขตชุมชน โรงพยาบาล และพื้นที่เศรษฐกิจ รวมถึงดูแลระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานเพื่อลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น

สรุปสถานการณ์อุทกภัยและแนวทางการช่วยเหลือผู้ประสบภัย

สถานการณ์อุทกภัยในช่วงวันที่ 24-31 สิงหาคม 2568 ยังคงมีพื้นที่ได้รับผลกระทบใน 4 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน สุโขทัย และ พิษณุโลก รวม 8 อำเภอ 23 ตำบล 71 หมู่บ้าน มีประชาชนได้รับผลกระทบรวม 2,686 ครัวเรือน

ในพื้นที่ที่สถานการณ์คลี่คลายแล้ว กรม ปภ. ได้ประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งสำรวจและจัดทำบัญชีความเสียหาย เพื่อให้ผู้ประสบภัยได้รับการช่วยเหลือและเยียวยาโดยเร็วที่สุด และหากจังหวัดใดต้องการเครื่องจักรกลสาธารณภัยเพิ่มเติม สามารถประสานขอรับการสนับสนุนจากกรม ปภ. ได้ทันที