ศอ.ปชด. สั่งเข้ม ปิดจุดผ่านแดนไทย-กัมพูชา ปกป้องอธิปไตย

จากสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งปัจจุบันพบว่ามีกำลังติดอาวุธของฝ่ายกัมพูชาล้ำเข้ามาในเขตอธิปไตยของไทย และการเสริมกำลังพล อาวุธ ยุทโธปกรณ์ รวมถึงการดัดแปลงที่มั่นทางทหาร ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่อาจส่งผลกระทบต่อประชาชนตามแนวชายแดน แม้ว่ารัฐบาล กระทรวงกลาโหม และกองทัพบกได้ใช้กลไกทวิภาคีในการคลี่คลายความตึงเครียดอย่างเต็มที่ แต่ไม่ได้รับการตอบสนองในเชิงบวกจากฝ่ายกัมพูชา

ศูนย์อำนวยการขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน (ศอ.ปชด.) จึงได้ออกแนวทางปฏิบัติเพื่อสนับสนุนการทำงานของกองทัพบกและกองทัพเรือในการปกป้องอธิปไตยและประชาชนชาวไทย โดยอ้างอิงตามมติสภาความมั่นคงแห่งชาติและนโยบายของกระทรวงกลาโหม ซึ่งได้มีการกำหนดมาตรการควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภท ตามคำสั่งกองทัพบก (เฉพาะ) ที่ 806/2568 และคำสั่งกองทัพเรือ (เฉพาะ) ที่ 447/2568 ลงวันที่ 7 มิถุนายน 2568

มาตรการสนับสนุนการควบคุมจุดผ่านแดน

จังหวัดชายแดนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง : จังหวัดชายแดนในฐานะศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับกัมพูชา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ จะให้การสนับสนุนกองกำลังสุรนารี กองกำลังบูรพา และกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ในการรักษาความสงบเรียบร้อยและดำเนินการตามมาตรการควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดน

สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง : จะเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบการผ่านเข้า-ออกของบุคคลและกลุ่มบุคคลตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงต่อการกระทำผิดที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและบ่อนการพนัน เช่น อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์, อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์, อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว, อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี และอำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด
 

มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม

บ่อนทำลายเศรษฐกิจและสังคมทั้งในประเทศไทยและประเทศต่างๆ ทั่วโลก เพื่อให้การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมเหล่านี้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ศอ.ปชด. จึงกำหนดมาตรการเพิ่มเติมดังนี้

แจ้งฝ่ายกัมพูชา : จะเร่งรัดให้ฝ่ายกัมพูชาปราบปรามผู้ก่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยีและการค้ามนุษย์ในทุกพื้นที่ทันที รวมถึงจับกุมและบังคับใช้กฎหมายต่อผู้กระทำความผิดและผู้สนับสนุนทั้งหมด

ยกระดับมาตรการในประเทศ : จะมีการยกระดับมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม โดยพิจารณามาตรการต่างๆ เช่น การตัดกระแสไฟฟ้า การระงับสัญญาณอินเทอร์เน็ตที่ส่งเข้าไปในพื้นที่ที่เป็นบ่อนการพนันและฐานของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวมถึงการควบคุมสินค้าและยุทโธปกรณ์ที่อาจนำไปใช้ในการก่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยีและอาชญากรรมข้ามชาติอื่นๆ โดยมาตรการเหล่านี้จะถูกนำเสนอต่อสภาความมั่นคงแห่งชาติต่อไป

ศอ.ปชด. จะทำหน้าที่อำนวยการและประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การปฏิบัติตามมาตรการข้างต้นเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล และเพื่อรักษาผลประโยชน์แห่งชาติโดยไม่กระทบต่อการดำรงชีวิตประจำวันของประชาชนบริเวณชายแดน ทั้งนี้ ศอ.ปชด. จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและพิจารณาเพิ่มเติมมาตรการที่จำเป็นจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย