อนุทิน สั่ง EOD เคลียร์พื้นที่ โรงงานพลุระเบิด กำชับผู้ว่าฯ ดูแล-เยียวยา

อนุทิน สั่ง EOD เคลียร์พื้นที่ โรงงานพลุระเบิด กำชับผู้ว่าฯ ดูแล-เยียวยา

"อนุทิน" ติดตามเหตุโรงงานพลุระเบิด จ.สุพรรณบุรี กำชับดูแลการเคลียร์พื้นที่ EOD เก็บกู้วัตถุอันตรายให้ปลอดภัย กำชับจังหวัดดูแลครอบครัวผู้เสียชีวิต พร้อมสอบสวนต้นตอเหตุสลด

วันนี้ (17 ม.ค. 67) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล  เลขานุการ รมว.มหาดไทยและ โฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า  นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ได้รับรายงานจากผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรีเกี่ยวกับเหตุการณ์โรงงานผลิตพลุในพื้นที่ ต.ศาลาขา อ.เมืองสุพรรณบุรี จ.สุพรรณบุรี ระเบิด ซึ่งเหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ​ 15.30 น. ซึ่งสถานที่ตั้งของโรงงานอยู่กลางทุ่งนา อยู่ห่างไกลชุมชน ไม่มี​บ้านพักอาศัย​ใกล้เคียง 

 

ทั้งนี้ จากการเข้าควบคุมสถานการณ์ของของเจ้าหน้าที่กู้ภัยและดับเพลิง เจ้าหน้าที่ EOD อำเภอ และองค์การบริหารส่วนตำบล ขณะนี้ได้ควบคุมเพลิงได้แล้ว  แต่ในรายงานเบื้องต้นระบุว่าโรงงานแห่งนี้มีคนงานประมาณ 20 กว่าคน ขณะนี้ไม่พบผู้รอดชีวิต 

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า สำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง ได้ตรวจสอบแล้วพบว่าผู้ประกอบการโรงงานพลุแห่งนี้ ได้รับใบอนุญาตให้ทำและค้าซึ่งดอกไม้เพลิง (แบบ ป.5) เลขที่ 2/2566 ออกโดยนายทะเบียนท้องที่อำเภอเมืองสุพรรณบุรี เมื่อวันที่ 24 ส.ค. 66 สิ้นอายุ 23 ส.ค. 67 ซึ่งหลังจากนี้จะได้มีการเรียกผู้เกี่ยวข้องเข้าดำเนินการสอบสวนถึงสาเหตุ และดำเนินการตามกฎหมาย 

"ขณะนี้อำเภอเมืองสุพรรณบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบจำนวนผู้ประสบเหตุและความเสียหาย ซึ่ง รมว.มหาดไทย มีความห่วงใยต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เบื้องต้นกำชับให้เจ้าหน้าที่ EOD เข้าเคลียร์พื้นที่เก็บกู้วัตถุระเบิดหรือสิ่งอันตรายให้ปลอดภัยก่อน ขอให้ทางจังหวัดดูแลการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ครอบครัวเสียชีวิตและให้เร่งตรวจสอบถึงสาเหตุของการระเบิดซึ่งนำไปสู่ความสูญเสียในครั้งนี้ ว่ามาจากสาเหตุใดเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป" น.ส.ไตรศุลี กล่าว 

นายอนุทิน กล่าวว่า นอกจากพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรีแล้ว ขอให้ทุกจังหวัดทุกพื้นที่เพิ่มความเข้มงวดในการกวดขันทั้งการออกใบอนุญาต การตรวจสอบสถานประกอบการซึ่งได้รับอนุญาตในการผลิตหรือขายพลุ ดอกไม้ไฟ ให้มีการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเข้มงวด เพื่อความปลอดภัยและสวัสดิภาพของประชาชนเนื่องจากเหตุลักษณะนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งก็สร้างความสูญเสียแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน