'เงินก็เสีย รถก็ไม่ได้คืน' สาวเตือนภัยมิจฉาชีพออนไลน์ หลังประกาศตามรถหาย

'เงินก็เสีย รถก็ไม่ได้คืน' สาวเตือนภัยมิจฉาชีพออนไลน์ หลังประกาศตามรถหาย

สาว 37 โอดครวญ ถูกมิจฉาชีพสวมรอย หลังประกาศตามรถหาย อ้างเจอรถถูกจำนำต่อ หลอกโอนเงินค่ามัดจำ สูญเงินเกือบ 3 พันบาท เงินก็เสียรถก็ไม่ได้คืน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้รับเรื่อง"เตือนภัยมิจฉาชีพออนไลน์" จาก นางสาวศุภพิชญ์ ยมนา อายุ 37 ปี ว่า รถจักรยานยนต์ของคุณพ่อถูกโจรขโมยหายไป ด้วยความที่อยากได้รถคืนและหวังให้ชาวเฟสบุ๊ค ช่วยกันแชร์และตามหารถที่หาย จึงมีการลงโพสต์ข้อมูลของรถ พร้อมใบแจ้งความ และ เบอร์โทร จึงกลายเป็นช่องทางให้เหล่ามิจฉาชีพ ที่สวมรอยก่อเหตุ 

โดยติดต่อผู้เสียหายกลับมาแจ้งว่า พบเจอรถและมีคนเอาไปจำนำต่อ ทำทีแสดงตัวตน ยืนยันข้อมูล ชัดเจน แล้วหลอกให้ผู้เสียหาย โอนเงินค่ามัดจำให้หากต้องการได้รถคืน ด้วยความที่ผู้เสียหายเดือดร้อนและอยากได้รถคืน ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ โอนเงินไปยังมิจฉาชีพก่อนจะมารู้ภายหลังว่าถูกหลอกซ้ำ เข้าไปอีก ก็เสียทั้งรถเสียทั้งเงินเก็บ

จึงขอหยิบยกเรื่องนี้มาเตือนภัยกันว่า ปัจจุบัน มิจฉาชีพมาในหลายรูปแบบทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แก๊งเงินกู้ แก๊งปลอมเป็นพลเมืองดี แก๊งแสดงตนว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐบ้าง หรือ แม้แต่มาในรูปแบบของ ชู้สาว ที่เหล่ามิจฉาชีพจะมีการพัฒนากลโกงและรูปแบบไปเรื่อย โดยจะอาศัยจุดอ่อน และ ความใจอ่อนของเหยื่อ 

อีกทั้งการพูดจาโน้มน้าวและข่มขู่จนเหยื่อหรือผู้เสียหายหวาดกลัว หลงเชื่อจนตกเป็นเหยื่อของแก๊งมิจฉาชีพ ซึ่งต้องบอกว่าปราบปรามกันยังไงก็ไม่หมด

เคสนี้ก็เช่นกัน จะเห็นว่ามิจฉาชีพจะทำทีเป็นพบเมืองดีที่ทราบเบาะแสหรืออ้างตัวว่ามีคนเอารถมาจำนำ หากต้องการคืนรถก็ต้องโอนเงินก่อน จึงอยากจะบอกว่า การลงข้อมูลส่วนบุคคล ไม่ว่าจะทะเบียนรถ เบอร์โทร หรือแม้แต่ที่อยู่ หรือใบรับแจ้งความนั้น จะเป็นช่องทางที่เหลามิจฉาชีพเข้าถึงเราได้ง่าย

เพราะฉะนั้น ห้ามลงข้อมูลส่วนบุคคล เบอร์โทร ที่อยู่ เด็ดขาด และหากมีการทักหาทางข้อความ ก็ขอให้พึ่งระวังระลึกเสมอว่า ใช่มิจฉาชีพหรือไม่ ที่สำคัญ หากเจอแบบนี้ควรประสานงานเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อตรวจสอบข้อมูลก่อนทุกครั้ง เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพในรูปแบบใหม่

นางสาวศุภพิชญ์ ยมนา อายุ 37 ปี ผู้เสียหาย ได้เล่าว่า รถของพ่อหายเวลาประมาณ 09.00 น. เสียบกุญแจค้างไว้ แล้วคนร้ายย่องมาขับรถไปทางท้ายบ้าน แต่ไม่ทราบว่าไปทางไหน ไปขอดูกล้องแต่กล้องไม่มีเมมโมรี่การ์ด ต่อมาลูกสาวคนเล็กอายุ 14 ปี ได้ไปโพสต์ว่า รถหายถ้าใครเจอให้โทรมาเบอร์นี้ ก็คือเบอร์แม่กับเบอร์น้อง แล้วก็มีคนเป็นมิจฉาชีพอ้างตัวว่ารถอยู่กับเขา อยู่ที่โกดังนี้ ทะเบียนนี้ใช่แน่ มีคนมาจำนำ เป็นผู้ชายวัยกลางคน ถ้าอยากได้รถคืนให้เสียค่าขนส่งโอนเงินไปให้เขาค่ามัดจำ 1,500 บาท 

พอเราคุยไปคุยมาบอกรถทะเบียนโดนอายัดก็เลยขอเพิ่มเป็นราคาเต็ม 3,000 บาท แต่พี่บอกว่าพี่มีแค่ 2,500 บาท ทางโกดังก็บอกว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวผมโอนช่วย 500 บาท ก็รอบอกว่ารถมาตั้งแต่เวลา 15.00 น. จากทางโน้น แต่เราก็ไม่ทราบว่าต้นทางมาจากทางไหน เราก็รอจน 4 ทุ่มก็แล้ว 5 ทุ่มก็แล้ว ผลสุดท้ายก็ไม่อ่านไลน์แล้วก็หายไปเลย

หลังจากรถหายได้ไปแจ้งความแล้วที่ สภ.ปากน้ำ คือที่โพสไปก็จะมีทะเบียนรถ มีรูปรถ แต่รูปรถแคบมาจากรูปรถคันอื่น เพราะรถของพ่อไม่มีรูป ก็คือเอารูปรถคันอื่นแต่ลักษณะเดียวกันล้อแม็กซ์สีดำเหมือนกันก็โพสต์ว่าทะเบียนนี้ พร้อมแนบกับใบแจ้งความ ว่าถ้าใครเจอก็ให้ติดต่อกับมาที่เบอร์นี้ สรุปคือตนเสียเงินให้มิจฉาชีพไป 2,500 บาท 

จึงอยากเตือนภัย ว่า เราอยากได้รถคืนแต่อยากให้ฉุดคิดสักนิดว่าใครจะใจดีกับเราขนาดนั้น กับการต้องส่งรถเรา โดยเราก็ไม่รู้ว่ารถเราอยู่ตรงไหนปลายทางอยู่ตรงไหน ในเมื่อเราก็บอกเขาแล้วว่าเราไปรับเองได้ไหม เขาก็ไม่ยอม แต่เราก็อยากได้รถคืนในความคิดเรา คือวันที่ 16 ธ.ค.นี้ เป็นวันเกิดพ่อเรา ก็อยากได้รถคืนในวันเกิดพ่อ อยากทำเพื่อพ่อ คิดว่าจะได้คืนแต่ก็ไม่ได้ แต่ก็มาฉุดคิดว่าไม่น่าเชื่อใครอะไรง่ายๆ แบบนี้ เราเสียรถไปแล้ว แล้วยังมาเสียเงินอีก และเสียความรู้สึกด้วย 

อยากให้คนที่จอดรถระมัดระวังตรวจสอบอีกทีว่าได้เสียบกุญแจคาไว้ไหม ล็อกคอไหม จอดในที่เปลี่ยวไหม ในที่ลับตาคนไหม คืออยากให้จอดในที่มีแสดงสว่างไม่ลับตาคน เพราะมิจฉาชีพเยอะมากในช่วงนี้ เห็นหลายพื้นที่ หลายจังหวัดมีแต่เคสนี้ ไปแจ้งความมาตำรวจก็บอกว่าเยอะมากมิจฉาชีพกับรถหาย นางสาวศุภพิชญ์ กล่าวทิ้งท้าย