Social Impact Management กับการบริหารภาครัฐ | ปรมะ ตันเดชาวัฒน์

Social Impact Management กับการบริหารภาครัฐ | ปรมะ ตันเดชาวัฒน์

การจัดการผลกระทบทางสังคม หรือ Social Impact Management หมายถึงกระบวนการ หรือการปฏิบัติที่องค์กรหรือบุคคลทำเพื่อวัด ติดตาม และรับผิดชอบต่อผลกระทบต่อสังคมที่เกิดขึ้นจากการดำเนินธุรกิจ

หรือกิจกรรมที่ตนดำเนินการ มีเป้าหมายเพื่อทำให้กิจกรรมหรือโครงการต่างๆ สามารถส่งเสริมผลดีแก่สังคมและลดผลร้ายให้น้อยที่สุด 

วิธีการดังกล่าวอาจจะรวมถึงการวิเคราะห์ผลกระทบทางสังคม, การติดตามและประเมินผล และการพัฒนาแผนการปฏิบัติเพื่อลดผลกระทบร้ายและเพิ่มขีดความสามารถในการสร้างผลกระทบดี อีกทั้งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การดำเนินการและการตัดสินใจขององค์กรแต่ละแห่งเกิดขึ้นอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคม

การจัดการผลกระทบทางสังคม (SIM) มักจะพบในหลายภาคส่วนของสังคม ทั้งภาคธุรกิจ ภาครัฐ และภาคประชาชน แตกต่างจากการเป็นกรอบการรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) ซึ่งมักจะเน้นไปที่การสนับสนุนของบริษัทต่อสังคม

(เช่น การบริจาคหรือการทำกิจกรรมเพื่อตอบสนองต่อการมีส่วนร่วมกับสังคมหรือชุมชนใกล้เคียง) แต่ SIM ครอบคลุมกว้างขึ้นซึ่งรวมถึงผลกระทบทั้งดีและไม่ดีที่บริษัทหรือโครงการทำให้เกิดกับสังคม

ทำไมถึงสำคัญ เมื่อปัญหาทั่วโลก เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความไม่เท่าเทียมทางเศรษฐกิจ และความไม่สงบทางสังคมกำลังกลายเป็นปัญหายิ่งขึ้น องค์กรต่างๆ มีความรับผิดชอบมากขึ้นเรื่องผลกระทบที่มีต่อสังคม ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (ลูกจ้าง นักลงทุน) รวมถึงผู้บริโภค ต้องการความโปร่งใสและการดำเนินการที่มีความหมาย 

กระบวนการในการสร้าง Social Impact Management : การประเมิน การตรวจสอบและวัดผลกระทบทางสังคมที่อาจเกิดจากการดำเนินงานหรือโครงการ สามารถทำได้ผ่านการสำรวจ การปรึกษากับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและการวิเคราะห์ข้อมูล การบรรเทา

เมื่อได้รับรู้ถึงผลกระทบที่เป็นเชิงลบแล้ว ควรมีแผนการลดหรือกำจัดผลกระทบเหล่านั้น การขยายผล ส่วนของผลกระทบที่เป็นเชิงบวกนั้นควรถูกเน้นและขยายผล

การตรวจสอบ การตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้แน่ใจว่ากลยุทธ์ในการจัดการผลกระทบทำงานได้ผล การรายงาน การแบ่งปันผลการทำงานกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเป็นสิ่งสำคัญ ความท้าทาย SIM ที่มีประสิทธิภาพอาจจำเป็นต้องใช้ทรัพยากรมาก ประโยชน์ องค์กรที่ปฏิบัติตาม SIM อย่างเข้มงวดมักจะได้รับประโยชน์ 

แนวโน้มการนำมาใช้ ด้วยการก้าวที่เข้ามาของยุคดิจิทัล เครื่องมือและเทคโนโลยีที่ทันสมัยเช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่กำลังกลายเป็นวิธีที่ช่วยให้องค์กรวัดและจัดการผลกระทบทางสังคมได้ดียิ่งขึ้น

การประเมินผลกระทบ ก่อนการดำเนินนโยบายหรือโครงการต่างๆ ภาครัฐควรมีการประเมินผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อสังคม เพื่อรับรู้ถึงสิ่งที่ต้องเตรียมพร้อม และวิธีการจัดการกับผลกระทบทั้งบวกและลบ 

การบรรเทาผลกระทบ เมื่อเกิดผลกระทบลบจากนโยบายหรือโครงการภาครัฐ ควรมีแผนการบรรเทาผลกระทบ เช่น การสนับสนุนชุมชนที่ได้รับผลกระทบ หรือการปรับเปลี่ยนนโยบาย การขยายผลกระทบบวก เมื่อนโยบายหรือโครงการมีผลกระทบดีต่อสังคม

ควรเน้นเรื่องนี้และใช้เป็นโอกาสในการสร้างเสริมความเชื่อมั่นในระบบบริหารภาครัฐ การติดตามและรายงาน ภาครัฐควรติดตามและรายงานผลกระทบของนโยบายและโครงการต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ ให้แก่ประชาชน

การสื่อสาร ความโปร่งใสและการสื่อสารที่ดีเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ประชาชนมีความเข้าใจและสามารถเข้าร่วมในการตัดสินใจของภาครัฐ การสร้างความร่วมมือ การร่วมมือกับภาคเอกชน ภาคประชาชนและองค์กรต่างๆ จะช่วยในการสร้างและบรรเทาผลกระทบของนโยบายและโครงการต่างๆ ของภาครัฐ

การประยุกต์ Social Impact Management ในการบริหารภาครัฐจะช่วยให้ภาครัฐมีการบริหารงานที่มีประสิทธิภาพ ตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนและสร้างความเชื่อมั่นในระบบบริหารของประเทศไทย อีกทั้งสามารถทำให้ประเทศก้าวสู่การตอบสนองได้ทั้งภาคประชาชนและก้าวสู่ความมั่งคั่งให้กับประชาชนได้อย่างมีนัยสำคัญ