ผนึกกำลัง 20 หน่วยงาน ขับเคลื่อน 3 มาตรการฝ่าวิกฤตเอลนีโญ

ผนึกกำลัง 20 หน่วยงาน ขับเคลื่อน 3 มาตรการฝ่าวิกฤตเอลนีโญ

กอนช. ผนึกกำลังกว่า 20 หน่วยงาน ขับเคลื่อน 3 มาตรการรับมือฤดูฝนปี 2566 เร่งจัดลำดับความสำคัญในการใช้น้ำของ 22 ลุ่มน้ำ ควบคุมการเพาะปลูกข้าวนาปีต่อเนื่อง พร้อมส่งเสริมอาชีพทางเลือก มั่นใจผ่านวิกฤตเอลนีโญ ย้ำน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค และรักษาระบบนิเวศมีเพียงพอ

วันนี้ (29 ส.ค. 66) ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะรองผู้อำนวยกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมขับเคลื่อนมาตรการรับมือฤดฝนเพิ่มเติมเพื่อรองรับสถานการณ์เอลนีโญว่า การประชุมครั้งมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายใต้ กอนช. มากกว่า 20 หน่วยงานร่วมประชุมเพื่อพิจารณาแนวทางการขับเคลื่อนมาตรการฤดูฝน ปี 2566 เพิ่มเติมอีก 3 มาตรการ ซึ่งผ่านความเห็นชอบจาก กอนช. เรียบร้อยแล้วจาก 12 มาตรการเดิม เพื่อรับมือสถานการณ์เอลนีโญที่เกิดขึ้นและส่งผลกระทบจากปริมาณฝนน้อยกว่าค่าปกติ ทำให้ปริมาณน้ำที่ไหลเข้าเขื่อนน้อยเช่นกัน โดยที่ประชุมได้หารือร่วมกันในรายละเอียดแนวทางปฏิบัติเพื่อขับเคลื่อน 3 มาตรการให้เกิดผลชัดเจนเป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด ซึ่งประกอบด้วย

ผนึกกำลัง 20 หน่วยงาน ขับเคลื่อน 3 มาตรการฝ่าวิกฤตเอลนีโญ

  • มาตรการที่ 1 การจัดลำดับความสำคัญในการใช้น้ำของลุ่มน้ำ โดยให้กรรมการลุ่มน้ำร่วมกันจัดลำดับความสำคัญให้ครบทั้ง 22 ลุ่มน้ำ ซึ่งเสร็จไปแล้ว 10 ลุ่มน้ำ เหลือ 12 ลุ่มน้ำจะเร่งรัดให้แล้วภายใต้ต้นเดือนกันยายน 2566 ทั้งนี้เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปวางแผนบริหารจัดการน้ำและการระบายน้ำให้เหมาะสมกับปริมาณน้ำต้นทุน โดยให้ความสำคัญกับการให้น้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคและการรักษาระบบนิเวศ เป็นลำดับแรกๆ  
     
  • มาตรการที่ 2 ควบคุมการเพาะปลูกข้าวนาปีต่อเนื่อง โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่รับผิดชอบ ประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้ให้เกษตรกรเพื่อควบคุมไม่ให้มีการเพาะปลูกข้าวนาปีต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงที่ผลผลิตจะได้รับความเสียหายจากการขาดแคลนน้ำ พร้อมทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาแนวทางการส่งเสริมอาชีพทางเลือกเพิ่มเติม กรณีที่ไม่สามารถทำการเพาะปลูกได้ เพื่อเกษตรกรจะได้มีรายได้ในการดำรงชีพอย่างต่อเนื่อง เช่น อาชีพหัตถกรรม แปรรูปผลิตภัณฑ์ OTOP ผลิตปุ๋ย เพาะเห็ด เลี้ยงปลา เพาะพันธุ์ไม้ ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ถั่วเขียว เป็นต้น 
  • มาตรการที่ 3 เพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำ โดยในภาคการเกษตรจะส่งเสริมการปรับเปลี่ยนการเพาะปลูกพืช เพื่อลดความเสี่ยงต่อการขาดแคลนน้ำและเพิ่มรายได้ในพื้นที่ เช่น การปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อย ปรุงปรุงระบบการให้น้ำพืช น้ำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการบริหารจัดการน้ำ เป็นต้น พร้อมทั้งให้รณรงค์การประหยัดน้ำของหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และประชาชน โดยหน่วยงานภาครัฐจะต้องวางแผนลดการใช้น้ำอย่างเป็นรูปธรรม เร่งประชาสัมพันธ์การใช้น้ำอย่างประหยัดและรู้คุณค่าอย่างต่อเนื่อง ส่วนภาคเอกชนโดยเฉพาะโรงงานอุตสาหกรรม ส่งเสริมให้นำระบบ 3R นำน้ำที่ใช้แล้วบำบัดนำมาใช้ใหม่ เพื่อลดการใช้น้ำจากแหล่งน้ำต่างๆ ซึ่งจะช่วยลดการใช้น้ำได้มากกว่า 10% นอกจากนี้ให้ดำเนินการลดการสูญเสียในระบบประปาและระบบชลประทาน โดยเพิ่มประสิทธิภาพการส่งน้ำในระบบชลประทานด้วยการปรับรอบเวรการส่งน้ำ ให้สอดรับกับปริมาณความต้องการน้ำของพื้นที่

ผนึกกำลัง 20 หน่วยงาน ขับเคลื่อน 3 มาตรการฝ่าวิกฤตเอลนีโญ

“กอนช. จะติดตามการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ดำเนินงานตาม 12 มาตรการรับมือฤดูฝน และมาตรการเพิ่มเติมอีก 3 มาตรการดังกล่าวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่ง กอนช. มั่นใจว่า หากทุกหน่วยงานภายใต้ กอนช. และประชาชน ตลอดจนผู้ที่เกี่ยวข้อง ช่วยกันใช้น้ำอย่างประหยัดและรู้คุณค่า ปริมาณน้ำที่มีอยู่จะเพียงพอสำหรับการอุปโภคบริโภค และการรักษาระบบนิเวศอย่างแน่นอน และประเทศไทยจะรอดพ้นวิกฤตสถานการณ์เอลนีโญที่เกิดขึ้นนี้อย่างแน่นอน” เลขาธิการ สทนช. กล่าวในตอนท้าย