กองทัพเรือ ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ทหารที่เสียชีวิตจากเหตุ เรือหลวงสุโขทัย

"กองทัพเรือ" จัดพิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่ทหารที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ "เรือหลวงสุโขทัย" อับปาง ย้ำยังไม่ลดละค้นหาผู้สูญหายอีก 5 ราย

วันนี้ (11 มกราคม 2566) เวลา 10.15 น. ที่ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พลเรือโท พิชัย ล้อชูสกุล ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 ร่วมกับศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 และบริษัท ท่าเรือประจวบ จำกัด ได้ร่วมกันประกอบพิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้เสียชีวิตซึ่งเป็น "ทหารเรือ" ในเหตุการณ์ "เรือหลวงสุโขทัย" อับปาง เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2565 โดยมีหน่วยงานทหารเรือ ตำรวจน้ำ กรมประมง กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กรมการปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อบต.แม่รำพึง มูลนิธิต่าง ๆ ญาติของผู้เสียชีวิต และประชาชนชาวบางสะพานเข้าร่วมพิธี

 

 

โดย พลเรือโท พิชัย ล้อชูสกุล ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 เป็นประธานในพิธี จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย พระสงฆ์ จำนวน 9 รูป เจริญพุทธมนต์ ถวายปัจจัย ร่วมกันถวายเครื่องไทยธรรมแด่พระสงฆ์ พระสงฆ์อนุโมทนา กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับทหารเรือที่เสียชีวิต และร่วมกันถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์ จากนั้นพระสงฆ์เจริญน้ำพุทธมนต์ผู้เข้าร่วมพิธี

 

สำหรับ เรือหลวงสุโขทัย ที่อับปางนั้น มีลูกเรือที่เดินทางมาทั้งสิ้น 105 นาย เป็นกำลังพลของเรือหลวงสุโขทัย 75 นาย กำลังพลหน่วยปืนต่อสู้อากาศยานรักษาชายฝั่ง 15 นาย กำลังพลของหน่วยนาวิกโยธิน 15 นาย รวมทั้งสิ้น 105 นาย รอดชีวิต 76 นาย เสียชีวิต 24 นาย สูญหายอยู่ระหว่างค้นหา 5 นาย

 

ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 กล่าวว่า การจัดทำบุญในวันนี้เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับผู้เสียชีวิต ซึ่งการทำบุญเป็นเรื่องดีเป็นมงคลของบริษัทท่าเรือประจวบ จำกัด และ กองทัพเรือด้วย ในส่วน ของการค้นหาอย่างค้นหาผู้สูญหายขณะนี้ยังคงค้นหาอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา แต่ยังไม่พบผู้ประสบภัยอีก 5 ราย และอีก 1 รายขณะนี้ร่างอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช ได้รอการตรวจ DNA โดยทางพิสูจน์หลักฐานและโรงพยาบาลศิริราชได้คุยกัน ซึ่งรอผลการตรวจยืนยันโดยโฆษกกองทัพเรือจะเป็นผู้แถลงต่อไป

 

กองทัพเรือ ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ทหารที่เสียชีวิตจากเหตุ เรือหลวงสุโขทัย

 

 

"การค้นหายิ่งนานวันค่อนข้างที่จะยากลำบากขึ้น เนื่องจากว่าผู้ประสบภัยอยู่ในทะเลเปิด พบปัญหาในเรื่องของกระแสลม กระแสน้ำ ทำให้เคลื่อนที่ไปทั้งหมด ซึ่งอุปกรณ์ต่าง ๆ ของเรือหลวงสุโขทัยเอง หรืออุปกรณ์ช่วยชีวิตต่าง ๆ ของเรือหลวงกะบุรี และอุปกรณ์ทางอากาศยานที่ส่งลงไปช่วย กระแสน้ำก็ยังพัดไปในทิศทางไกลมาก สามารถเก็บขึ้นมาได้บางส่วนบริเวณจังหวัดชุมพร และถ้าสมมติเป็นเคสดำอาจลอยไปไกล เช่น อุปกรณ์หลาย ๆ ชิ้นลอยไปถึงเกาะเต่า โดย ศรชนภาค 2 และกองทัพเรือภาคที่ 2 ใช้เรือดำเนินการอยู่ นอกจากนี้ยังมีอากาศยาน และยังใช้ UAV บินสำรวจอยู่ ในการปฏิบัติของเรือจะโฟกัสไปพื้นที่ใกล้ฝั่งมากขึ้น ซึ่งจะใช้ศรชนและกลุ่มเรือในการดูแลของศรชน เรือสปีดโบ๊ทต่าง ๆ หากพื้นที่ออกไปลึกขึ้นก็จะเป็นเรื่องของเรือ ต. เรือตรวจการชายฝั่ง ทั้งของกรมประมงและตำรวจน้ำจะออกในการค้นหาผู้สูญหายอีก 5 นายต่อเนื่องยังไม่ล้มเลิกแผนค้นหา"

 

ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 กล่าวต่ออีกว่า ในส่วนของการกู้เรือหลวงสุโขทัย กองเรือยุทธการซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญได้มาให้คำปรึกษาและมีบริษัทต่าง ๆ ที่จะเข้ามาวางแผนร่วมกัน ซึ่งหากได้ความชัดเจนแล้ว ทางโฆษกกองทัพเรือจะได้ชี้แจงในการดำเนินงานต่อไป โดยขณะนี้ได้เพิ่มการลาดตระเวนบริเวณเรือหลวงสุโขทัยอับปาง เพื่อป้องกันไม่ให้เรือประมงเข้ามาทำการประมง หรือปล่อยอวนมาติดทุ่น จะเกิดปัญหาความยากลำบากเพราะอวนที่ลอยมาติดอยู่ เวลาที่ว่ายเข้าไปใกล้ตีนกบจะไปติดกับอวน ต้องตัดออกทีละน้อยไม่สามารถจะนำขึ้นมาได้ เพราะเป็นอวนขนาดใหญ่และหนักมาก

 

ส่วนในตัวเรือยังไม่ได้เข้า ยังคงปฏิบัติการอยู่รอบนอก โดยมีบริเวณ 300 เมตร ในการปฏิบัติการรอบ ๆ เรือ ซึ่งการดำน้ำลงไปแต่ละครั้งมีเวลาจำกัดมาก ไม่เกิน 15 นาที และใต้น้ำมีกระแสน้ำความแรงของการเคลื่อนที่แรงมาก อาจจะทำให้ลักษณะของเรือหลวงสุโขทัยที่ตั้งอยู่อาจจะพลิกได้ โดยมนุษย์กบดำได้ครั้งละ 15 นาทีแล้วต้องรีบขึ้นมา แต่กองเรือหลวงบางระจันซึ่งเป็นเรือกู้ทุ่นระเบิดใช้ภาพจากโซนน่าและภาพถ่ายจากที่นักประดาน้ำยังพบว่าเรือยังจอดอยู่ในสภาพปกติ

 

ข่าวโดย ปริพรรห์ รชตธรรมกุล